ข่าวปชป.-ภท.ไร้ท่าทีขึ้นอภิปรายแคนดิเดตนายกฯ - kachon.com

ปชป.-ภท.ไร้ท่าทีขึ้นอภิปรายแคนดิเดตนายกฯ
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. เวลา 14.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ที่ห้องประชุมใหญ่ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) มีการประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ร่วมทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยก่อนการลงมติดังกล่าวได้มีการเปิดอภิปรายคุณสมบัติหรือคุณสมบัติต้องห้ามของนายกรัฐมนตรี


โดยส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนต่างอภิปรายโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ว่า มีคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามขัดต่อรัฐธรรมนูญในการได้รับเสนอชื่อเป็นนายกฯ อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นอภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 5 ข้อคือ 1.ลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 106(6) เรื่องการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.มีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ไม่ยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตย โดยมาจากการยึดอำนาจจากประชาชน ทำให้การปกครองระบอบประชาธิปไตยบิดเบี้ยวจากกติการัฐธรรมนูญ 3.ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ในการบังคับใช้รัฐธรรมนูญและกฎหมายอย่างมากมาย 4.วิธีคิด การบริหารราชการประเทศใช้รัฐราชการเป็นศูนย์กลาง ไม่ได้ใช้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ทำให้อนาคตประเทศล้มเหลว สู่หายนะ และ5.การขัดกันแห่งผลประโยชน์ ขัดจริยธรรมอย่างร้ายแรงในเรื่องที่มาของวุฒิสภา ที่พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้แต่งตั้งส.ว.เพื่อให้มาเลือกพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ จึงไม่เห็นชอบที่พล.อ.ประยุทธ์จะได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯ


ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ศาลรัฐธรรมนูญกำหนดคำนิยามการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐไว้ 4 ข้อคือ 1.ได้รับการแต่งตั้งตามกฎหมาย 2.ได้รับเงินเดือนซึ่งมีการกำหนดไว้ในพระราชกฤษฎีกา 3.มีอำนาจตำแหน่งหน้าที่และปฏิบัติงานเป็นประจำ และ4.อยู่ในบังคับบัญชากำกับดูแลของรัฐ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์อยู่ในข่ายทั้ง 4 ข้อ จึงอยู่ในข่ายการเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐอย่างชัดเจน แม้ผู้ตรวจการแผ่นดินจะมีคำวินิจฉัยว่าพล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่เจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ แต่เป็นรัฏฐาธิปัตย์ แต่คำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นเพียงแค่ผู้ส่งความเห็นไปให้ศาลวินิจฉัยเท่านั้น ไม่ใช่องค์กรที่มีอำนาจชี้ขาด ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่รัฐฏาธิปัตย์เพราะมีรัฐธรรมนูญแล้ว อำนาจรัฐฏาธิปัตย์ย่อมหมดไป


ขณะที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ตามมาตรา 160(5) ข้อ 27 ที่เขียนไว้ว่า การไม่ทำตามหมวด1 ถือว่าผิดมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง อาทิ การไม่ยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าคสช.ยึดอำนาจประเทศ ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ตั้งตนเป็นรัฐฏาธิปัตย์ ปกครองประเทศโดยใช้คำสั่งหัวหน้าคสช. โดยเฉพาะการใช้คำสั่งมาตรา 44 โดยไม่มีวันขัดรัฐธรรมนูญเหมือนพ.ร.บ.ทั่วไป แสดงว่าไม่ยึดมั่นธำรงไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย และเมื่อมีการเลือกตั้งยังเสนอตัวเป็นนายกฯ แสดงให้เห็นว่ามีพฤติกรรมสืบทอดอำนาจโดยใช้กลไกรัฐธรรมนูญปี 60 จึงต้องช่วยกันหยุดยั้งกระบวนการสืบทอดอำนาจที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 22 พ.ค.2557 และกำลังจะเข้าเส้นชัยในวันนี้        


จากนั้นเวลา 14.00 น. บรรยากาศในที่ประชุมเริ่มวุ่นวาย ภายหลังจากนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ขึ้นทำหน้าที่ประธานในการประชุม โดยระหว่างที่นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. กำลังอภิปรายสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ รวมทั้งชี้แจงว่าส.ว.มีอิสระในการทำหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องตอบแทนใคร รวมถึงเหตุผลที่พล.อ.ประยุทธ์เข้ามายึดอำนาจเพื่อหยุดยั้งการชุมนุมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ซึ่งมีการเผาบ้านเผาบ้าน ทำให้นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ลุกขึ้นประท้วงว่า อย่าตีกิน ใช้ความเก๋ามารับใช้อำนาจที่ท่านชอบ ไม่มีใครกลัวใครในสภาฯ นี้ ทนายความที่ดีจะไม่ทำอย่างนี้


จากนั้นนายเสรี ได้ต่อ โดยใช้เวลาเนิ่นนานกว่า 20 นาที ทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนแสดงความไม่พอใจ และลุกขึ้นประท้วง พร้อมทั้งขอให้นายพรเพชรจำกัดเวลาการอภิปรายของนายเสรีให้เท่าเทียมกับคนอื่น แต่นายเสรียังคงอภิปรายอย่างต่อเนื่องโดยระบุว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ดูมีข้อด่างพร้อยมากกว่าพล.อ.ประยุทธ์ และมีคดีติดตัวหลายเรื่อง ทำให้ส.ส.พรรคเพื่อไทยต่างประท้วงกันอีกรอบ เพราะเห็นว่านายเสรียังไม่ยอมหยุดอภิปราย จนเกิดการโต้เถียงกันไปมาระหว่างนายเสรีกับส.ส.พรรคเพื่อไทย เมื่อเหตุการณ์ทำท่าว่าจะบานปลาย นายพรเพชรจึงตัดบทให้นายเสรีหยุดการอภิปราย

นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ได้อภิปรายสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยยกคุณสมบัติ 6 ข้อคือ 1.เป็นผู้กอบกู้สถานการณ์ความขัดแย้งในประเทศไทย 2.มีภาวะความเป็นผู้นำสูง กล้าตัดสินใจเด็ดขาด 3.มีความอดทนเสียสละ 4.เป็นคนติดดิน ประชาชนเข้าถึงพึ่งได้ 5.ดูแลประชาชนโดยไม่เลือกปฏิบัติ หรือแบ่งฝักแบ่งฝ่าย และ 6.จงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามากอบกู้สถานการณ์ที่ไม่ปกติในช่วงที่ประเทศเกิดความขัดแย้ง ทำให้ประเทศไทยมีความสงบเรียบร้อยตลอดระยะเวลากว่า 5 ปีที่ผ่านมา โครงการขยายเครือข่ายรถไฟฟ้าที่ไม่มีรัฐบาลไหนทำได้สำเร็จ และเมื่อครั้งที่พล.อ.ประยุทธ์ลงพื้นที่เขตคลองเตย ก็เข้าไปสัมผัสชีวิตของคนในชุมชนคลองเตยอย่างที่ไม่มีผู้นำคนไหนทำมาก่อน อย่างไรก็ตาม ขอร้องว่าอย่าสร้างวาทกรรมสืบทอดเผด็จการ เพราะทุกคนเข้ามาในกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตย ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด พล.อ.ประยุทธ์มีความรัก ชาติ ศาสนา และจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ นี่คือสิ่งสำคัญที่เราต้องนำเสนอ.

ทั้งนี้ตั้งแต่เปิดอภิปรายดังกล่าวไม่ปรากฎว่ามีส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยลุกขึ้นอภิปรายแต่อย่างใด.