ข่าว'กกต.''จ่อออกกฎเหล็กคุมเข้มหาเสียงลต.  - kachon.com

'กกต.''จ่อออกกฎเหล็กคุมเข้มหาเสียงลต. 
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s

 
   
เมื่อวันที่ 3 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต. มีมติเห็นชอบ ร่างระเบียบกกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งส.ส. 2561 แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสำนักงานฯ นำลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยสาระสำคัญของระเบียบดังกล่าวกำหนดเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัติ ข้อห้ามไม่ให้ปฏิบัติสำหรับผู้สมัคร พรรคการเมืองและผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น โดยวิธีการหาเสียงที่ควรปฏิบัตินั้นระบุว่า สามารถแจกเอกสาร วีดิทัศน์ที่เกี่ยวกับการหาเสียงเลือกตั้งในเขตชุมชน สถานที่ งานพิธีต่างๆได้ รวมทั้งจัดรถหาเสียงและเวทีหาเสียง ใช้เครื่องขยายเสียงช่วยหาเสียงได้ โดยผู้สมัครพรรคการเมืองต้องแจ้งรายละเอียดให้ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดทราบภายใน 10 วันหลังปิดการรับสมัคร ซึ่งทั้งเอกสาร วีดีทัศน์ ประกาศการโฆษณา ป้ายโฆษณาที่จะติดตั้งบนรถหาเสียง เวทีหาเสียง สามารถระบุชื่อรูปภาพและ หมายเลขผู้สมัคร ชื่อสัญลักษณ์นโยบายของพรรค คติพจน์คำขวัญ ข้อมูลประวัติเฉพาะที่เกี่ยวกับผู้สมัคร พรรคการเมืองและ นำภาพของผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกฯ หัวหน้าพรรค และสมาชิกพรรค ลงโฆษณาหาเสียงได้เท่านั้น โดยการดำเนินการในส่วนของรถหาเสียงและเวทีหาเสียง ให้นับรวมเป็นค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัครหรือพรรคการเมือง หาเสียงผ่านจดหมาย สิ่งพิมพ์ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ ทำเอกสาร ที่มีการกากบาทในช่องคะแนนเลือกตั้งให้กับตนเองได้ แต่เอกสารต้องไม่มีลักษณะหรือสีคล้ายกับบัตรเลือกตั้ง
 
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า นอกจากนี้พรรคสามารถตั้งผู้ช่วยหาเสียงได้โดยผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง มีผู้ช่วยหาเสียงในเขตได้ไม่เกิน 20 คนต่อเขตส่วนของพรรค ที่ส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อ มีผู้ช่วยหาเสียงได้ ไม่เกิน 10เท่าของจำนวนเขตที่พรรคนั้นส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขต อย่างไรก็ตามกรณีพบมีการหาเสียงไม่เป็นไปตามที่กกต. กำหนด ผู้อำนวยการ กกต.จังหวัด จะแจ้งให้ผู้สมัคร พรรคการเมืองแก้ไข ภายใน 5 วัน หากไม่ดำเนินการกกต.สามารถรื้อถอน ปลดออกหรือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการโดยคิดค่าใช้จ่ายกับผู้สมัครพรรคการเมืองนั้น และนำมาเป็นเหตุสืบสวนวินิจฉัยได้
 
 ทั้งนี้ส่วนในเรื่องการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ กำหนดให้ผู้สมัครพรรคการเมือง สามารถหาเสียงด้วยตนเอง หรือว่าจ้างบุคคลนิติบุคคลดำเนินการได้ ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ทุกประเภท ทั้งยูทูป เว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นอีเมล์ เอสเอ็มเอส โดยผู้สมัครต้องแจ้งวิธีการรายละเอียดช่องทางระยะเวลาการหาเสียงรวมถึงหลักฐานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง ให้ผอ. กกต. ประจำจังหวัดทราบตั้งแต่วันสมัครหรือก่อนหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นผู้สมัครหรือสมาชิกพรรคหาต้องการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้กับผู้สมัครพรรคการเมืองใดต้องแจ้งชื่อสกุลนิติบุคคล หรือเครื่องหมายใดๆที่สามารถเจาะจงตัวบุคคลที่ดำเนินการได้ โดยค่าใช้จ่ายในการหาเสียงส่วนนี้หากเกินกว่า 10,000 บาท ต้องแจ้งให้ผู้สมัครพรรคการเมืองทราบและให้แจ้งต่อ ผอ.กกต.จังหวัดเลขาฯ กกต.ทราบ และการหาเสียงทางอิเล็กทรอนิกส์ให้นับรวมเป็นค่าใช้จ่ายของผู้สมัคร พรรคการเมืองนั้น ทั้งนี้หาก กกต.พบว่ามีการใช้ถ้อยคำรุนแรง ก้าวร้าว หยาบคาย ปลุกระดมหรือนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้อง สามารถสั่งให้แก้ไขเปลี่ยนแปลง ลบข้อมูลนั้น หากผู้สมัครพรรคการเมืองไม่ดำเนินการในเวลาที่กำหนด เลขา กกต.สามารถแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้ให้บริการ ดำเนินการโดยผู้สมัครพรรคการเมืองต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่าย และการแก้ไขเปลี่ยนแปลง ลบข้อมูล ไม่สามารถลบล้างความผิดที่ได้กระทำสำเร็จแล้วได้ ซึ่งกกต. สามารถนำมาสืบสวนและวินิจฉัยได้
 
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ส่วนข้อห้ามไม่ควรปฏิบัติในการหาเสียงนั้นกำหนดไว้กว้างๆ คือห้ามผู้สมัครพรรคการเมืองหรือผู้ใดนำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการหาเสียง ห้ามผู้สมัครพรรคการเมืองหรือผู้ใด ให้ผู้ประกอบอาชีพ เจ้าของกิจการวิทยุโทรทัศน์ สื่อมวลชน สื่อโฆษณา หรือนักแสดง นักดนตรีพิธีกร ใช้ความสามารถทางวิชาชีพเอื้อประโยชน์ในการหาเสียงให้แก่ตน แต่ถ้าผู้สมัครมีความรู้ความสามารถทางศิลปะเป็นของตนเอง สามารถใช้หาเสียงให้กับตัวเองได้แต่ต้องไม่ใช้อุปกรณ์ในการแสดง นอกจากนี้ยังห้ามไม่ให้มีการ แจกจ่ายเอกสารที่เกี่ยวกับการหาเสียงโดยใช้วิธีการวาง หรือโปรยในที่สาธารณะ ไม่ใช้ถ้อยคำรุนแรงก้าวร้าว หยาบคาย หรือปลุกระดมและไม่ช่วยเหลือเงินทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ให้แก่ผู้ใดตามประเพณี.