ข่าว'บิ๊กตู่'ฟุ้ง5ปีคสช.คืนความสงบสุขให้ชาวไทย - kachon.com

'บิ๊กตู่'ฟุ้ง5ปีคสช.คืนความสงบสุขให้ชาวไทย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 4 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า วันนี้ (4 ม.ค.) เป็นครั้งแรกของปีใหม่ พ.ศ.2562 ซึ่งก็เป็นปีใหม่ “ครั้งที่ 5” ที่รัฐบาลและ คสช. นำความสงบสุข กลับคืนมาสู่พี่น้องประชาชนชาวไทย ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข และนำพาชาติบ้านเมืองไปสู่ความ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”  อย่างไรก็ตามปัญหาของประเทศเป็น “ปัญหาเชิงโครงสร้าง” อาจจำเป็นต้องอาศัยเวลา และการบริหารจัดการในรูปแบบใหม่ที่เราเรียกว่า “กลไกประชารัฐ” ทำให้เราต้องกำหนดให้มี ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีและการปฏิรูปประเทศ 13 ด้าน บางเรื่องก็อาจจะเป็นเรื่องที่ “ไกลตัว” ตนก็อยากให้คิดว่าเป็นความรู้รอบตัวเพื่ออยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุขและร่วมมือกัน คิด พูด ทำ ในสิ่งที่ถูกต้องและเหมาะสม ที่สำคัญคือไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาหนี้นอกระบบ ของพี่น้องเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อยที่เป็นส่วนหนึ่ง ของกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หากปัญหานี้ ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างยั่งยืน ก็จะเป็นเหมือนมะเร็งเรื้อรัง ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศไม่มีวันสิ้นสุด

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการ “ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า ตนขอหยิบยก 2 ประเด็นหลักๆ ที่เป็นการแก้ปัญหาในอดีตได้อย่างยั่งยืน เรื่องแรกก็คือปัญหาด้านการศึกษา ซึ่งประเด็นการพัฒนาปฏิรูปการศึกษา เป็นสิ่งที่ทุกรัฐบาลให้ความสำคัญ และพยายามแก้ไขปัญหามาต่อเนื่อง แม้จะมีงบประมาณ และลงทุนด้านการศึกษามากกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี แต่ปัญหานี้ยังคงเรื้อรังและรุนแรงขึ้น รัฐบาลจึงร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิทางการศึกษา เร่งดำเนินการสำหรับกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ให้จัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา  เสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู โดยดูแลกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และด้อยโอกาส ตั้งแต่เด็กแรกเกิด จนถึงวัย 18 ปีขึ้นไป รวมทั้งสิ้นประมาณ 4.3 ล้านราย 

ทั้งนี้กสศ. ได้จัดให้มีระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา หรือเรียกว่า ไอ-ซี (iSEE) ที่เป็นระบบรายงานข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ของ กสศ. เพื่อจะช่วยให้ผู้ทำนโยบายมองเห็นสถานการณ์ความเหลื่อมล้ำได้ชัดเจนในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ นอกจากนี้แล้วรัฐบาลยังให้การสนับสนุนให้จัดการศึกษาในรูปแบบโรงเรียนร่วมพัฒนา ซึ่งเป็นแนวคิดการสร้างนวัตกรรมการบริหารจัดการสถานศึกษา ภายใต้บทบาท ความร่วมมือ ระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กับบริษัท  มูลนิธิ องค์กร –หรือสถาบันต่างๆ ที่ให้การสนับสนุนทรัพยากร และมีส่วนร่วมในการบริหารสถานศึกษาตามโครงการนี้ โดยทำงานร่วมกันตามรูปแบบประชารัฐ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องที่สองเป็นเรื่องการสร้างความยั่งยืนให้กับการประมงของไทย การทำการประมงของไทยในอดีตเกิดปัญหาการใช้แรงงานบังคับและค้ามนุษย์ประกอบกับกฎกติกาที่มีอยู่ มีความล้าสมัย ทั้ง พ.ร.บ. ประมง (พ.ศ. 2490) และ พ.ร.บ. เรือไทย (พ.ศ. 2481) ไม่เป็นสากล จนเกิดปัญหาการประมงผิดกฎหมาย (ไอยูยู) และปัญหาค้ามนุษย์ตามมา ซึ่งรัฐบาลนี้ได้เข้ามาแก้ไขปัญหา ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี ก็ได้ยึดหลักแก้ปัญหาด้วยการทำประมงที่ยั่งยืน โดยจะต้องเคารพกติกาสากล 3 ส่วน คือ เรือจับปลา คนจับปลา และการทำการประมงที่มีกฎกติการองรับ โดยกำหนดกรอบการทำงานออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ ด้านกฎหมาย ด้านการจัดการกองเรือ ด้านการติดตาม ควบคุม และเฝ้าระวัง ด้านการตรวจสอบย้อนกลับ ด้านการบังคับใช้กฎหมาย และด้านแรงงานภาคประมง ซึ่งต้องดำเนินการไปพร้อมๆกัน จากทุกภาคส่วน  

ทั้งนี้ผลจากการดำเนินการที่ผ่านมาทำให้ทรัพยากรสัตว์น้ำ กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง เห็นได้จากการบันทึกการทำประมงของชาวประมงพาณิชย์ (logbook) ในปี 2561 ที่มีปริมาณการจับสัตว์น้ำได้ เพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2560 ประมาณ 200,000 ตัน อีกทั้งรัฐบาลได้มอบหมายให้กรมประมงปรับเพิ่ม วันทำการประมง ประจำปีการประมง 2561 เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. – 31 มี.ค. สำหรับเรือประมงพาณิชย์ ทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน อันเป็นผลสัมฤทธิ์ จากการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ที่ทำให้ท้องทะเลไทยมีความยั่งยืน.