ข่าว'บิ๊กตู่'ซัดพวกปากไม่ดีป้ายสีรัฐถังแตกเรี่ยไรเงินช่วยชาวใต้ - kachon.com

เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุโซนร้อน “ปาบึก”  ว่า  ต้องเข้าใจว่ามีคนเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก หลายหมื่นครอบครัว หลายแสนคน การที่จะทำให้ทุกอย่างเร็วทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังวางแผนเข้าไปช่วยเหลือดำเนินการ ทั้งชุดซ่อมจากหน่วยงานทหาร ตำรวจ และพลเรือน ที่จะมีการบูรณาการร่วมกัน ซึ่งตนต้องการสร้างระบบการทำงานให้ต่อเนื่อง อย่างที่ช่วงแรกเราทำคือเรื่องประชาสัมพันธ์สร้างความเข้าใจ ทุกคนก็ลดความเสี่ยงลง ขั้นที่ 2 คือการช่วยเหลือระหว่างนั้น การฟื้นฟู เยียวยา ก็ต้องใช้งบประมาณมากพอสมควรในการดูแลเรื่องเหล่านี้ หลายคนต้องการให้รวดเร็ว แต่ต้องคำนึงถึงจำนวนคนที่เข้าไปช่วยเหลือ ถ้าใครที่มีปัญหามาก ให้ไปที่ศูนย์ดำรงธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัด และศูนย์ที่จัดตั้งในพื้นที่ให้ไปบอกเขา เขาจะได้ชี้แจงทำความเข้าใจ ขอฝ่ายหน่วยงานข้างล่างทำความเข้าใจในพื้นที่

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า  ขอบคุณในการร่วมบริจาคที่ผ่านมา เราก็ใช้งบประมาณของภาครัฐ แต่ไม่ใช่ภาครัฐไม่มีสตางค์อย่างที่หลายคนพูดออกมาว่ารัฐบาลต้องออกมาเรี่ยไร พูดแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ เพราะเขาต้องมาเป็นประเพณีอย่างนี้ตลอด ซึ่งวันนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานจิตอาสาเข้ามาช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมถึงตนได้สั่งการให้มีครัวและอาหารให้กับประชาชนในพื้นที่ได้รับประทาน เพราะเมื่อเขาอิ่มท้อง ก็จะมีกำลังใจในการรอทำความสะอาดบ้านเรือน สิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้น คือเราเปลี่ยนแปลงธรรมชาติไม่ได้ แต่เราลดผลกระทบได้ ซึ่งเราต้องมีกำลังใจ ไม่อยากให้ว่ากันไปว่ากันมา

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  วันนี้มีสื่อหลายสำนักไปเจาะว่ามีคนลำบากตรงนั้นตรงนี้แล้วกลายเป็นว่ารัฐบาลไม่ทำงานหรือทำไม่ดี จนต้องมาตั้งกองทุนเพื่อเรี่ยไรเงิน ตนไม่ขัดข้องตรงนั้น แต่ขอให้ใช้ประโยชน์ ไม่ใช่เอาอันนี้มาตีตรงนั้นจนระบบเสียหายไปหมด ไม่มีใครทำคนเดียวได้หรอก หากมีใครอาสาว่าทำคนเดียวได้ให้มาบอกตน จะได้มอบหน้าที่นี้ให้ไปเลยไม่ว่าช่องไหนก็ตาม ขอฝากให้ผู้สื่อข่าวเขียนข่าวก็ขอให้ระมัดระวัง เพราะจะสร้างความขัดแย้งและความไม่เข้าใจ ตนบอกแล้วว่าที่ตนลงพื้นที่เพราะเห็นใจเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวประมงที่อยู่ชายทะเลได้รับผลกระทบครั้งนี้ ไม่ใช่โดนพายุแล้วเสียหาย เขาแย่มาก่อนพายุอีก ไปดูบ้านช่องเขาอยู่ได้หรือไม่ เราต้องไปดูมาตรการที่เหมาะสมจะดูแลเขาได้อย่างไร 

“วันนี้เราลดความเสียหายได้มาก เพราะมีการรับรู้ข่าวสารและเตรียมตัว สิ่งของที่แม้เก่าแก่ก็เป็นมูลค่าสำคัญ เพราะมีแค่นั้น ให้นึกถึงเขาอย่างนี้ไม่ใช่ตีกันไปตีกันมาแล้วทำอะไรไม่ได้ทั้งหมด แทนที่จะเอาวิกฤติเป็นโอกาสสร้างความรักความสามัคคี กลายเป็นว่าเอาสิ่งเหล่านี้มาโจมตีกันไปกันมาก็ยิ่งหนักไปกว่าพายุที่เกิดขึ้น สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนไทยควรมีจิตสำนึกที่ดี รวมถึงระมัดระวังการนำเสนอข่าวด้วย ตนเห็นแล้วก็ไม่สบายใจ ไม่ว่าจะปกหน้าปกหลังก็แล้วแต่บางเรื่องไร้สาระ”นายกรัฐมนตรี กล่าว.