'บิ๊กตู่'ผงะ!เจอขอเบิ้ลเงินบัตรคนจน โอดขอเวลาหาก่อน
การเมือง
จากนั้นนายกรัฐมนตรี เดินทางต่อมาที่ตลาดเกรียงไกร ซอยเคหะร่มเกล้า 35 และพบปะประชาชนและพ่อค้า แม่ค้าในย่านนี้ โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ดีใจที่ทุกคนให้การต้อนรับเป็นอย่างดี และเห็นว่าสามารถที่จะลงได้ได้ทุกพื้นที่ ไม่ว่าใครเป็นนายกฯก็ต้องไปได้ทุก ทั้งนี้ตนเป็นคนใจดีไม่ได้ใจร้ายเหมือนที่ใครเขาว่ากันขออย่าไปเชื่อ แต่อาจจะพูดไม่ไพเราะแต่หัวใจซื่อสัตย์ซื่อตรงและย้ำว่าไม่ได้มาหาเสียงแต่มาเพื่อเยี่ยมเยียนประชาชน จึงขอขอบคุณในน้ำใจไมตรีจากทุกคน
จากนั้นในช่วงหนึ่งประชาชน ได้ตะโกนว่า นายกสู้ๆนายกฯ จึงกล่าวตอบว่า ไปสู้กับใครสู้กับคนไม่ดีสู้กับความขัดแย้งการทุจริตรับผลประโยชน์ อย่างไรก็ตามวันนี้มาทำงานไม่ได้มาการเมืองเดี๋ยวจะโดนว่าเอาอีกและตนรู้ว่าหลายคนเดือดร้อนและลำบากอยู่ แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้นโดยต้องสร้างระบบกันให้ได้ จึงขอให้อดทนกับทนอีกหน่อย ถ้าวางพื้นฐานได้ก็จะดีขึ้น แต่ทุกอย่างไม่ใช่จะดีขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ขออย่าไปเชื่อหากใครบอกจะดีขึ้นในวันนี้วันนั้นและใครที่หาเสียงอะไรต่างๆ และสัญญาว่าจะให้ต้องดูด้วยว่าทำได้หรือไม่ ขณะที่เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐย้ำว่ามีกติกาการให้อยู่แล้ว ไม่ได้ให้เฉพาะคนรวย ใครรายได้เกิน 3 หมื่นก็จะไม่ได้รับ และเงินที่เอามาให้นั้น มาจากภาษีของคนรวย วันนี้จึงให้ได้เท่านี้ก่อนคนละ 500 บาท
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้คนไทยต้องช่วยกันเองไม่นั้นใครจะมาช่วย ขณะที่เรื่องประชาธิปไตยก็ว่ากันไป แต่วันนี้ประเทศยังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจเราต้องมองเศรษฐกิจโลกด้วย เพราะทุกอย่างมันเกี่ยวพันกัน และวันนี้ไม่ได้มาเพื่อแก้ตัวอะไรทั้งสิ้น
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ทดลองการทำไข่เค็มและเดินทักทายพ่อค้าแม่ค้าเพื่อสอบถามเรื่องการค้าขายว่า สินค้าราคาตกหรือไม่ วันนี้ทุกคนอยากได้เงิน ถ้าตนให้อย่างเดียวทุกคนก็จะรัก แต่มันไม่ได้เราต้องวางระบบให้ทุกคนมีอาชีพและอยู่ให้ได้ก่อน และย้ำว่าสิ่งที่ตนพูดเป็นเรื่องจริง ไม่พูดโกหก ขณะเดียวกันไม่ว่าใครจะไม่ชอบ เกลียดหรือโกรธ ตนก็ไม่เกลียดตอบ เพราะหากคนไม่ชอบตนก็จะรักเขาให้มากขึ้น เพราะหากเกลียดต่อก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย ยังไงก็ต้องทำงานให้ท่าน นั่นคือรัฐบาลจะนักการเมืองตนก็ต้องทำงานให้เหมือนกัน ไม่เช่นนั้นจะมาเดินทำไม ไม่ได้หาเสียงหรอก ในเมื่อไม่รักตนอยู่แล้ว นายกฯ เกลียดใครไม่ได้ เพราะถ้าเกลียดก็ไม่อยากทำอะไรต่อให้ อย่างไรก็ตามย้ำว่าความสงบสุขเป็นพื้นฐานที่ดีของประเทศ ดังนั้นวันนี้บ้านเมืองต้องสงบสุข โดยเฉพาะที่เรากำลังจะมีพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก นอกจากนี้ขอให้ทุกคนรักกันและรักษากฎหมาย เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อกัน ถ้าเราไม่รักษากฎหมายก็จะลำบาก
อย่างไรก็ตาม ตลอดการลงพื้นที่ มีประชาชนเข้ามาร้องเรียนปัญหากับนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลรับผิดชอบช่วยเหลือต่อไป ในช่วงหนึ่งมีชาวบ้านมาร้องเรียนเกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บางคนขอให้เพิ่มเงินให้เป็น 500 บาท บางคนบอกว่าไม่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งนายกฯจึงพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า พูดแบบนี้ได้อย่างไรพูดแบบนี้เสียหาย ไม่ได้บัตรคนจน เพราะเอาไปให้แต่คนรวยหรืออย่างไร เขามีกฎเกณฑ์อยู่แล้ว ซึ่งต้องทำให้เกิดความมั่นคงในระบบการเงินทำให้คน 40- 50 ล้านคน มีเงินเยอะขึ้น เพื่อมาเพิ่มในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทั้งนี้ถ้าหากให้ตนได้ทำงานต่อจนภารกิจเสร็จสิ้นก็จะทำให้แก้ปัญหาต่างๆได้สำเร็จลุล่วง อย่างไรก็ตามนายกฯได้รับเรื่องและส่งเรื่องต่อให้ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ รับไปดำเนินการ
นอกจากนี้ชาวบ้านยังร้องเรียนเรื่องพื้นที่ขายของบนทางเท้า ซึ่งนายกฯ กล่าวว่า การจะขยับต้องดูด้วยว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ วันนี้ต้องให้โอกาสกับคนอื่น คนที่ใช้จราจรและทางเท้า ต้องไม่มีปัญหา และเป็นไปตามกฎหมาย อย่างไรก็ตามขณะที่นายกรัฐมนตรี เดินผ่านขาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ก็มีเด็กคนหนึ่งร้องไห้ขึ้นมา ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็พูดแซวว่า นี่เป็นเสียงเรียกร้องจากประชาชน ก่อนที่จะพูดเลียนเสียงเด็กว่า “หนูอยากได้ของเล่น” ก่อนที่จะหันไปบอกพล.อ.อนุพงษ์ว่า “พี่ป๊อก ซื้อของเล่นให้เด็กหน่อย".
จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ลงพื้นที่ตลาดหนองจอก มีประชาชนรอให้การต้อนรับจำนวนมาก โดย มีการเขียนป้ายข้อความให้กำลังใจ ขอให้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อ พร้อมตะโกนบอกให้นายกฯสู้ๆ จากนั้นนายกรัฐมนตรี ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายจนตลาดเงียบหมด ดีใจที่ได้มาเพราะไม่เคยมา ตนเองก็รู้สึกเป็นห่วง เพราะตอนนี้มีประชากรอาศัยอยู่เกือบ 10 ล้านคน ซึ่งจริงๆแล้วกรุงเทพสามารถรองรับประชาชนได้เพียง 5 ล้านคน เท่านั้น โดยจุดยังคงมีแระชาชน มาจอให้เพิ่มเงินในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็น 1000 บาท หากขอมากกว่านี้ ต้องขอเวลาไปหาเงินก่อน
ทั้งนี้ระหว่างที่เดินพบปะประชาชน นายกฯ ได้ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้ดี โดยเฉพาะสุขภาพใจ ส่วนที่ตนเองพูดในรายการศาสตร์พระราชาทุกวันศุกร์ก็ขอให้ฟังหน่อย ซึ่งประเทศไทยมีสามสถาบันหลักคือชาติศาสนาพระมหากษัตริย์ใครที่พูดให้บ้านเมืองขัดแย้งหรือพูดล้มล้างสร้างความเกลียดชังถือว่าใช้ไม่ได้เพราะตนเองไม่เคยพูดให้ร้ายใคร ส่วนที่รัฐบาล เดินหน้าจัดระเบียบก็ไม่ได้ต้องการไปตัดอาชีพใครแต่จำเป็นต้องทำ
นายกรัฐมนตรี ยังหยอดคำหวานว่า รักทุกคนเท่ากัน พร้อมแซวป้ายให้กำลังใจว่า ทำไมลายมือเหมือนกันทุกแผ่น และกล่าวว่าตนเองมีทุกคนในหัวใจเพราะต้องแก้ปัญหาที่สะสมมานาน พร้อมยังย้ำ ว่า วันนี้ไม่ได้มาเพื่อการเมือง เพียงแค่มาสอบถามว่าค้าขายอย่างไร เพราะมีบางคนบอกว่าขายของไม่ดีและขายบ้านช่องหมดแล้ว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้เยี่ยมชมบูธโครงการแว่นผู้สูงวัย ของ มูลนิธิช่วยการสาธารณสุขชุมชนในพระอุปถัมภ์สมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชครินทร์รวมกับกรุงเทพมหานคร ที่มอบแว่นสายตาให้สำหรับผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไปฟรี โดยนายกรัฐมนตรีได้ทดลองสวมแว่น และได้ซื้อแว่นสายตายาว +250 ไป 1 อัน และได้มอบเงินให้มูลนิธิจำนวน 1,000 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ขออนุญาตนำเข้าสบทบทุนมูลนิธิต่อ.