'บิ๊กป้อม'สั่งก.อุตฯคุมแหล่งกำเนิด-นำเข้าขยะพิษ
การเมือง
Webmaster
2019-01-10 12:57:00
25
Webmaster
2019-01-10 12:57:00
25
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนและปฏิรูปราชการแผ่นดิน คณะที่ 5 ที่มี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธาน ว่า สำหรับการบูรณาการการจัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งสภาพปัญหาในปี 2562 กำลังการผลิตโรงงานรีไซเคิลที่อยู่ในประเทศไทยมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 5.6 แสนตัน แต่ปี 2562 เรามีโควต้านำเข้าถึง 7.4 แสนตัน และเข้ามาในประเทศแล้ว 2.9 แสนตัน ยังมีเหลือที่กำลังพิจารณาอยู่เพื่อไม่ให้นำเข้าเกินกำลังการผลิต ส่วนในปี 2563 ชัดเจนว่ากำลังการผลิตยังอยู่ที่ 5.6 แสนตัน แต่จะพิจารณาให้นำเข้าเพียงครึ่งเดียวคือ 2.5 แสนตันเท่านั้น
ทั้งนี้ ในอนาคตการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จะลดลงตามกำลังการผลิตจริง โดยทางกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม จะเร่งออกประกาศกำหนดแหล่งกำเนิดของวัตถุดิบที่นำมาใช้หรือผลิตในโรงงาน รวมถึงเงื่อนไขการอนุญาตให้นำเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมือ 2 เข้ามา โดยจะต้องคำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย ขณะเดียวกันที่ประชุมยังมอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมลดโควต้าเศษพลาสติกเหมาะสมให้กับความเป็นจริง ขณะเดียวกันให้ทำการศึกษาส่งเสริมให้โรงงานรีไซเคิลขยะพลาสติกในประเทศไทยใช้เศษพลาสติกภายในประเทศ
“พล.อ.ประวิตรกำชับว่าตั้งแต่นี้ไปทุกหน่วยงานต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง และเร่งกระบวนการสอบสวนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกเกินโควต้า พร้อมกันนี้ยังกำชับว่าจะต้องทำงานร่วมกันในการเร่งออกประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ให้มีผลควบคุมในทางปฏิบัติโดยเร็ว รวมถึงขอพิจารณาลดระยะเวลามาตรการควบคุมลง เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่ปลอดขยะอิเล็กทรอนิกส์และสารพิษโดยเร็วที่สุด” พล.ท.คงชีพ กล่าว.
ทั้งนี้ ในอนาคตการนำเข้าขยะอิเล็กทรอนิกส์จะลดลงตามกำลังการผลิตจริง โดยทางกระทรวงอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม จะเร่งออกประกาศกำหนดแหล่งกำเนิดของวัตถุดิบที่นำมาใช้หรือผลิตในโรงงาน รวมถึงเงื่อนไขการอนุญาตให้นำเครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นมือ 2 เข้ามา โดยจะต้องคำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมด้วย ขณะเดียวกันที่ประชุมยังมอบหมายให้กรมโรงงานอุตสาหกรรมลดโควต้าเศษพลาสติกเหมาะสมให้กับความเป็นจริง ขณะเดียวกันให้ทำการศึกษาส่งเสริมให้โรงงานรีไซเคิลขยะพลาสติกในประเทศไทยใช้เศษพลาสติกภายในประเทศ
“พล.อ.ประวิตรกำชับว่าตั้งแต่นี้ไปทุกหน่วยงานต้องทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา โปร่งใส ยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง และเร่งกระบวนการสอบสวนความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้เกิดปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกเกินโควต้า พร้อมกันนี้ยังกำชับว่าจะต้องทำงานร่วมกันในการเร่งออกประกาศของกระทรวงอุตสาหกรรมและกระทรวงพาณิชย์ให้มีผลควบคุมในทางปฏิบัติโดยเร็ว รวมถึงขอพิจารณาลดระยะเวลามาตรการควบคุมลง เพื่อให้ไทยเป็นประเทศที่ปลอดขยะอิเล็กทรอนิกส์และสารพิษโดยเร็วที่สุด” พล.ท.คงชีพ กล่าว.
