ข่าว'ดำรงค์'จวกนโยบาย 'โฉนดทองคำ'คนคิดเป็นบ้า - kachon.com

'ดำรงค์'จวกนโยบาย 'โฉนดทองคำ'คนคิดเป็นบ้า
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย นายดำรงค์  พิเดช หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายสุชาติ ตันเจริญ กรรมการสรรหาผู้สมัคร ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เสนอนโยบาย เปลี่ยนที่ดิน สปก.4-01 กว่า 30 ล้านไร่ ให้เป็นที่ดินทองคำ และซื้อขายเปลี่ยนมือได้ ว่า เรื่องนี้แค่คิดก็ผิดแล้ว เพราะนโยบายหลักของสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) ก็ชัดเจนว่าต้องเอาที่ดินป่าสงวนแห่งชาติมาจัดสรรให้คนจน ไม่เช่นนั้นกรมป่าไม้คงไม่ยอมตั้งแต่แรก ยิ่งถ้าบอกว่าเอามาออกโฉนดยิ่งไม่มีใครยอม ทั้งหมดเกิดจากการเมืองทั้งนั้น การเมืองต้องมองหลายมิติ จะทำอะไรก็แล้วแต่ต้องมองผลประโยชน์ของประเทศชาติด้วย ถ้ามองแต่ผลประโยชน์อย่างเดียวใครก็ทำได้ ตนก็ทำได้ พรรคตนดูแลในเรื่องทรัพยากรป่าไม้ วันนี้ถ้านโยบายพรรครักษ์ผืนป่าฯ บอกให้นำพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติทั้งประเทศไปออกโฉนดได้ คนปรบมือกันหมด ชาวบ้านยากจนปรบมือกันหมด แต่คนส่วนใหญ่ของประเทศเขายอมหรือไม่ คุณต้องถามเขาด้วย ไม่ใช่นึกจะเขียนนโยบายอะไรเพื่อเอาคะแนนหมด

นายดำรงค์ กล่าวอีกว่า ขอถามว่านักการเมืองเหล่านั้นเคยปลูกป่ามาหรือไม่ กว่าต้นไม้แต่ละต้นจะโตมาได้ มันลำบากยากแค้นแสนเข็ญ พรรคตนต้องการปลูกป่าและไม่ให้ตัด แต่ให้ประชาชนมีรายได้จากการปลูกป่าโดยให้ราษฎรมีที่ทำกิน ปลูกต้นไม้แล้วมีรายได้มากกว่าทำการเกษตรเป็นการส่งเสริมแนวทางที่ถูกต้อง การเมืองต้องมีคุณธรรม ที่ผ่านมา ส.ป.ก. เอาพื้นที่จากกรมป่าไม้ไปแล้ว 30 กว่าล้านไร่ เปลี่ยนมือไปแล้ว 10 กว่าล้านไร่ แต่ยังไม่มีการสำรวจอย่างชัดเจนว่าตกไปอยู่ในเมือนายทุนเท่าไร  ของจริงเปลี่ยนมือไปหมดแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่สวยๆ งามๆ วันนี้ทุกพรรคจ้องแต่จะเอาพื้นที่ป่า เพราะเป็นของฟรีและได้คะแนนเสียง แต่คุณไม่ได้ลงทุนด้วยความคิดว่ามันจะกระทบต่อประเทศอย่างไร นำความทุกข์ยากมาสู่ประเทศชาติส่วนรวมอย่างไรในอนาคต ปัญหาสิ่งแวดล้อมฝนตก น้ำท่วม ภัยแล้ง ก็รู้อยู่แล้วว่าเกิดจากอะไร คุณคิดอย่างเดียวว่าจะเอาพื้นที่ป่ามาหาเสียงกับประชาชนได้อย่างไร

“ ผมเข้าใจ คนจนก็อยากได้ ใครก็อยากได้ ผมก็อยากได้ คนอีก 30-40 ล้านคนเขาก็อยากได้ แต่สมบัติตรงนี้เป็นของคนทั้งประเทศอีก 60 ล้านคน ทำอะไรต้องเกรงใจประชาชนทั้งประเทศด้วย แล้วขอให้ดูนักการเมืองกลุ่มนี้  ที่รวมตัวกันเป็นกลุ่มๆ เลือกตั้งทีก็ไปโหนตรงนั้นทีตรงนี้ที ผมไม่รู้เป็นความคิดของใคร ใครเป็นเจ้าของพรรคทางหัวหน้าพรรค หรือเลขาฯ พรรคเขายังไมได้ออกมาพูด มีเพียงสมาชิกกลุ่มนี้ ถ้าเป็นเพื่อนผม หรือเจ้าหน้าที่ป่าไม้ออกมาเสนอนโนบายนี้ ผมก็คิดว่าเขาคงเป็นบ้าไปแล้วที่จะเอาพื้นที่ป่ามาออกโฉนดและซื้อขายเปลี่ยนมือได้ สมัยเป็น สปท. ผมถึงบอกว่า ควรให้ ส.ส. เป็นได้เพียงครั้งละ 1 สมัย และ รมว. 2 สมัยพอแล้ว เพื่อเปิดโอกาสให้คนดีๆ ยากจน คนมีความสามารถอี่นๆ เข้ามาเป็นปากเป็นเสียงในสภาบ้าง ร่างกันฉบับปราบโกงแล้วเป็นอย่างไร แค่การหาสมาชิกพรรคก็ซื้อกันระเบิดเถิดเถิงแล้ววันนี้ ยังไม่ทันเลือกตั้งแต่ก็ซื้อกันไปหมด” นายดำรงค์กล่าว

หัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าฯ กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจถ้าเป็นคนจนหมดไม่มีปัญหา ยิ่งไปบอกว่าพื้นที่ทุรกันดารไม่มีใครเอาไม่ใครอยากได้ แต่ขอให้ไปดูว่าที่ดินยิ่งสวยรีสอร์ทยิ่งขึ้นเต็มไปหมด  ขอถามว่าคนที่ขายที่ดินไปแล้ว จากนั้นไปอยู่ที่ไหน สุดท้ายเขาก็อยู่ที่เดิมและจะทำอะไรกิน เงินหมดเขาก็ไปรุกป่าต่อหรือไม่ แล้วที่ดินจำนวนมากเป็นล้านๆ ไร่เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะไปดูแลไหวได้อย่างไร ก็ไล่จับกันไปแล้วมาขอออกโฉนดกันอยู่แบบนี้ และสุดท้ายก็จะเหลือกันแต่แผนที่ 

ขณะที่นโยบายโฉนดสีฟ้าของพรรคประชาธิปัตย์ จากการที่ตนฟังมาก็คล้ายกับนโยบายโฉนดชุมชนเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ แต่เขายังไม่พูดชัดว่าออกในพื้นที่ใด ตนก็ไม่ได้ขัดขวางเรื่องโฉนดชุมชน แต่ต้องออกให้ถูกที่ถูกทางจะมาออกในพื้นที่อุทยานฯ หรือลุ่มน้ำชั้น 1 ,2 นั้นออกไม่ได้ ไม่มีประเทศไหนในโลกที่จะไปออกโฉนดในอุทยานฯ มันต้องมีกฎกติกาบ้านเมือง สิ่งที่พรรคตนเสนอคือการให้เช่าพื้นที่ป่าสงวนฯ เสื่อมโทรม แต่ไม่ได้ให้เอกสารสิทธิ์ ในพื้นที่ที่ไม่สามารถเอาคนออกมาได้ก็ให้ประชาชนเช่าทำกิน พรรคใดอยากจะทำก็เอาไปทำได้เลย เพราะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่จะมีรายได้จากการปลูกป่าจากเงินกองทุนโลกร้อนและภาษีสิ่งแวดล้อมที่รัฐเก็บจากโรงงานอุตสาหกรรมและเอกชน ซึ่งที่ดินยังเป็นของหลวง โดยจะไม่มีการไปเอื้อให้นายทุน ทั้งนี้จะต้องมีการเพิ่มโทษทั้งผู้ซื้อผู้ขายที่มีการเปลี่ยนมือ  และมีหลักเกณฑ์ว่าต้องเป็นเกษตรยากจนและเกษตรกรที่เช่าเพื่อทำเรื่องปลูกป่าเท่านั้น ไม่ใช่เอาไปทำรีสอร์ท หรือบ้านพักตากอากาศ ซึ่งผิดวัตถุประสงค์.