สนช.รับหลักการร่างพ.ร.บ.หวยแล้ว!
การเมือง
Webmaster
2019-01-10 16:26:00
21
Webmaster
2019-01-10 16:26:00
21
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยมีนายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ทั้งนี้ มีสมาชิกสนช.ส่วนใหญ่อภิปรายเห็นด้วยกับหลักการของร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว แต่ยังสงสัยเรื่องการเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลสามารถพิจารณาออกสลากรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มเติมได้ รวมถึงการลดเงินจากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลส่งให้รัฐบาลเหลือ 18% จากเดิม 23% และบทกำหนดโทษแก่ผู้ขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคาที่ให้มีการจำคุกโดยมองว่ารุนแรงเกินไปหรือไม่ และไม่สามารถแก้ปัญหาการขายสลากเกินราคาได้ อาทิ นายมณเฑียร บุญตัน สนช. ได้ลุกขึ้นอภิปรายว่า กฎหมายฉบับนี้เหมือนเขียนเช็กเปล่าให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลไปกำหนดผลิตภัณฑ์เสี่ยงโชครูปแบบใหม่ๆ ได้ จึงควรกลั่นกรองเรื่องการออกสลากรูปแบบใหม่ว่าต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ก่อนส่งให้ครม.เห็นชอบอีกครั้ง
ด้านนายธานี อ่อนละเอียด สนช. อภิปรายว่า การลดเงินนำส่งการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเข้ารัฐเหลือ 18% จากเดิม 23% ทำให้รายได้เข้ารัฐหายไป 7-8 พันล้านบาทต่อปี แต่กลับเพิ่มเรื่องค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการจาก 12% เป็น 17% จึงอยากทราบเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร
ขณะที่นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงว่า การเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากรูปแบบใหม่ได้นั้นถือเป็นการเพิ่มทางเลือก แต่ไม่ได้ยกเลิกการขายสลากรูปแบบเดิม แต่สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับสลากแบบเดิมได้ และการออกสลากรูปแบบใหม่นั้นสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่สามารถทำได้โดยลำพัง ครม.จะต้องให้ความเห็นชอบด้วย นอกจากนี้ หากในอนาคตมีการขายสลากผ่านเครื่องอัตโนมัติได้ ก็จะไม่มีการขายสลากเกินราคาอีก อย่างไรก็ตาม จะต้องคำนึงถึงผู้ได้รับผลกระทบด้วย เช่น ผู้ค้ารายย่อย มูลนิธิ องค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ส่วนบทกำหนดโทษผู้ขายสลากเกินราคาว่ารุนแรงเกินไปหรือไม่นั้น เนื่องจากโทษปรับเดิมปรับ 2,000 บาทไม่มีใครเกรงกลัว และเพื่อต้องการไม่ให้เยาวชนเข้าถึงตั้งแต่อายุน้อยๆ จึงกำหนดห้ามขายสลากในสถานศึกษาและผู้ที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม ข้อท้วงติงต่างๆ เหล่านี้ยังสามารถไปทบทวนแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการฯ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมได้อภิปรายกันพอสมควรแล้ว ที่ประชุมสนช.จึงลงมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ด้วยคะแนนเห็นด้วย 140 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง พร้อมกับตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป.
ด้านนายธานี อ่อนละเอียด สนช. อภิปรายว่า การลดเงินนำส่งการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเข้ารัฐเหลือ 18% จากเดิม 23% ทำให้รายได้เข้ารัฐหายไป 7-8 พันล้านบาทต่อปี แต่กลับเพิ่มเรื่องค่าใช้จ่ายการบริหารจัดการจาก 12% เป็น 17% จึงอยากทราบเหตุผลว่าเป็นเพราะอะไร
ขณะที่นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ลุกขึ้นชี้แจงว่า การเพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาลออกสลากรูปแบบใหม่ได้นั้นถือเป็นการเพิ่มทางเลือก แต่ไม่ได้ยกเลิกการขายสลากรูปแบบเดิม แต่สามารถออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ควบคู่ไปกับสลากแบบเดิมได้ และการออกสลากรูปแบบใหม่นั้นสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลไม่สามารถทำได้โดยลำพัง ครม.จะต้องให้ความเห็นชอบด้วย นอกจากนี้ หากในอนาคตมีการขายสลากผ่านเครื่องอัตโนมัติได้ ก็จะไม่มีการขายสลากเกินราคาอีก อย่างไรก็ตาม จะต้องคำนึงถึงผู้ได้รับผลกระทบด้วย เช่น ผู้ค้ารายย่อย มูลนิธิ องค์กรสาธารณกุศลต่างๆ ส่วนบทกำหนดโทษผู้ขายสลากเกินราคาว่ารุนแรงเกินไปหรือไม่นั้น เนื่องจากโทษปรับเดิมปรับ 2,000 บาทไม่มีใครเกรงกลัว และเพื่อต้องการไม่ให้เยาวชนเข้าถึงตั้งแต่อายุน้อยๆ จึงกำหนดห้ามขายสลากในสถานศึกษาและผู้ที่มีอายุไม่ถึงเกณฑ์ อย่างไรก็ตาม ข้อท้วงติงต่างๆ เหล่านี้ยังสามารถไปทบทวนแก้ไขได้ในชั้นกรรมาธิการฯ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ประชุมได้อภิปรายกันพอสมควรแล้ว ที่ประชุมสนช.จึงลงมติรับหลักการร่างพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ด้วยคะแนนเห็นด้วย 140 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง งดออกเสียง 4 เสียง และไม่ลงคะแนน 1 เสียง พร้อมกับตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาในวาระ 2 และ 3 ต่อไป.
