กกต.แจงยิบซื้อรถเพราะเก่าแล้ว ย้ำไม่เกี่ยวงบฯเลือกตั้ง
การเมือง
ส่วนรถประจำตำแหน่งของเลขาธิการ กกต.ซื้อตั้งแต่ปี 2548 โดยปัจจุบันรถของ กกต.บางคันก็ใช้งานไม่ได้แล้ว หรือที่ยังใช้งานได้อยู่ ก็จะมีปัญหาเรื่องการซ่อมบำรุงอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งที่ กกต.ได้ตรวจงานต่างจังหวัด รถก็ไปเสียอยู่บ่อยครั้ง ล่าสุดรถของนายสันทัด ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต.ไปตรวจงานที่จังหวัดเพชรบูรณ์ก็ไปเสีย ดังนั้นการที่จะต้องมาเสียค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก ประกอบการจัดซื้อรถเราทำคำขอไปตั้งปี 2561 ก็พึ่งจะได้รับการจัดสรรงบมา ซึ่งการจัดซื้อขณะนี้อยู่ในระหว่างการจัดทำทีโออาร์
นายกฤช กล่าวอีกว่า การจัดซื้อรถประจำตำแหน่งของ กกต. นั้นเทียบเท่ากับรถประจำตำแหน่งของคณะรัฐมนตรี โดยรถประธาน กกต.มีวงเงินจัดซื้อไม่เกิน 4.2 ล้านบาท กรรมการ กกต. ไม่เกิน 3.7 ล้านบาท และรถของ เลขาธิการ กกต. ไม่เกิน 2.7 ล้านบาท ส่วนเมื่อมีการจัดซื้อรถมาใหม่แล้ว รถรุ่นเก่า กกต. จะเปิดประมูลจำหน่ายตามระเบียบ ของ กกต. ต่อไป ทั้งนี้เบื้องต้น กกต. ได้จัดซื้อมาแล้ว 2 คันตามงบประมาณปี 2561 เป็นรถ เบนซ์ รุ่นใหม่ E350e เพื่อรองรับ กรรมการ กกต.อีก 2 คนที่มีเพิ่มตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด
รองเลขาธิการ กกต. กล่าวอีกว่า สำหรับแผนการใช้จ่ายงบประมาณในการจัดการเลือกตั้ง 4,006 ล้านบาทนั้น กกต.ได้อนุมัติและเริ่มที่จะมีการซื้อวัสดุบางอย่างเพื่อมาใช้ในการจัดการเลือกตั้ง ซึ่งหลายรายการทางสำนักงาน กกต.สามารถจัดซื้อได้ต่ำกว่าราคาที่ตั้งไว้ อย่างหีบบัตรเราตั้งงบประมาณในการจัดหาเพิ่มเติม 45,000 ใบ ใบละ 450 บาท เป็นเงิน 18 ล้านบาท แต่ก็สามารถจัดซื้อได้ในราคาใบละ 271 บาท ใช้งบฯจริงไป 13 ล้านบาทเศษ ซึ่งประหยัดงบฯไปได้เกือบ 5 ล้านบาท ส่วนคูหาเลือกตั้งจัดซื้อเพิ่มเติม 1 แสนคูหา ตั้งราคาไว้คูหาละ 180 บาท งบประมาณทั้งสิ้น 18 ล้านบาท แต่ก็สามารถจัดซื้อได้เพียงคูหาละ 118 บาท ใช้งบประมาณไป 11.8 ล้านบาท ประหยัดงบประมาณไป 6 ล้านบาทเศษ ซึ่ง กกต.ก็คำนึงถึงการประหยัดค่าใช้จ่ายงบประมาณเป็นสำคัญ.