พปชร.แฉพท.เลิกเวทีพะเยาเองหวั่นคนฟังน้อย
การเมือง
นางรัตนา จงสุทธานามณี อดีต ส.ส. และอดีตนายก อบจ.เชียงราย พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด อดีต ผกก.สืบสวน บช.ภ. 5 นายบุญถิ่น นวลใหม่ อดีตรองนายก อบจ.เชียงราย นายเสงี่ยม แสนพิช อดีตรองนายก อบจ.เชียงราย นายบัวสอน ประชามอญ อดีต ส.ส. นายศักดิ์ชัย จงสุทธานามณี น้องชายนายมงคล จงสุทธานามณี อดีต ส.ส.หลายสมัย และนายผจญ ใจกล้า อดีตสาธารณสุขอำเภอแม่จัน
ประธานยุทธศาสตร์ภาคเหนือ พปชร. กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ 64 เขตเลือกตั้ง กระแสของพรรคค่อนข้างดี ประชาชนล้วนตอบรับแนวทางการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะเบื่อหน่ายกับการเมืองที่มีการทะเลาะเบาะแว้งแบ่งขั้วเลือกข้าง แต่พรรคพลังประชารัฐไม่มีแบ่งสี ไม่มีวาระซ่อนเร้น เราอาสามาเป็นตัวเลือกเพื่อให้บ้านเมืองก้าวเดินพัฒนาต่อไป ทั้งนี้ยังยืนยันว่าพรรค พปชร.ในภาคเหนือจะได้ส.ส.ระบบเขตไม่น้อยกว่า 40 ที่นั่ง
ส่วนกรณีอบจ.พะเยาไม่อนุญาตให้พรรคเพื่อไทยใช้สนามกีฬาอบจ.ปราศรัย ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค ส่วนที่วิจารณ์ว่าเรามีอำนาจพิเศษเปิดเวทีได้แต่พรรคเพื่อไทยทำไม่ได้นั้น คนในพื้นที่จะรู้ดีว่าผู้บริหารของอบจ.พะเยาเป็นคนของพรรคเพื่อไทย ใครจะเข้าไปสั่งหรือแทรกแซงได้ ส่วนเหตุผลที่ยกเลิกใช้เวทีปราศรัยเพราะสนามกีฬาปูพื้นหญ้า มีค่าดูแลปีละหลายสิบล้าน ทางสภาอบจ.จึงมีกระทู้ถามถึงความเหมาะสม เพราะหากให้คนจำนวนมากเข้าใช้อาจจะทำให้พื้นหญ้าเสียหาย และทราบว่าในวันดังกล่าวมีคนมาร่วมงานไม่กี่ร้อยคน ต่างจากเวทีพรรคพปชร.ที่มีคนมากว่า 5,000 คน ทำให้กลัวเสียหน้าว่าเป็นเจ้าของพื้นที่กลับมีคนมาร่วมงานน้อยกว่าพรรคใหม่
“เรื่องนี้เหมือนเล่นลิเก อนุญาตแล้วยกเลิกเอง แล้วโยนให้พรรคพปชร.ใครๆก็รู้ว่าอบจ.พะเยา เราไปแทรกแซงไม่ได้ ส่วนสถานที่ที่เราจัดงานเป็นลานอเนกประสงค์ทำกิจกรรมได้ ไม่ใช่สถานที่ราชการ และเวลานี้กระแสของพรรคในภาคเหนือจากโพลสำรวจล่าสุดจะได้ส.ส.ไม่น้อยกว่าถึง 40คน จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานคณะทำงานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ร้อนใจและกลัวแพ้ จึงต้องพยายามสร้างกระแสเพื่อดิสเครดิตพรรคพปชร.” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว.