กยท.ตั้งธงยางพารา20ปี เลิกปลูก5ล้านไร่-ใช้ในประเทศ35%
การเมือง
ทั้งนี้กำหนดวิสัยทัศน์ไว้ว่า “ประเทศผู้ผลิตยางคุณภาพดี เกษตรกรมีรายได้มั่นคง” จึงมีแนวทางสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันเกษตรกรฯ เพิ่มรายได้ของเกษตรกรโดยการปรับเปลี่ยนไปทำสวนยางแบบผสมผสาน การจัดการสวนยางในรูปแบบแปลงใหญ่ นอกจากนี้จะแก้ไขปัญหาสวนยางที่บุกรุกพื้นที่ป่า โค่นต้นยางเก่า และปลูกแทนด้วยยางพันธุ์ดี หรือไม้ยืนต้นชนิดอื่น พัฒนาคุณภาพยางและผลิตภัณฑ์ยางให้ได้มาตรฐาน ให้ความสำคัญแก่การวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีการผลิต รวมทั้งทำระบบซื้อขายยางในตลาดกลางยางพาราแต่ละแห่งเข้ากับตลาดยางท้องถิ่นโดยเรียกว่า “ตลาดยาง กยท.” เพื่อที่จะสร้างข้อมูลด้านปริมาณและราคาที่มีการซื้อขายจริงให้ทั่วโลกนำไปใช้ในการอ้างอิง นอกจากนี้ยังจะส่งเสริมให้ต่างประเทศให้เข้ามาลงทุนแปรรูปยางพารา
นายเยี่ยม กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่จะต้องเร่งทำคือ การทำมาตรฐานการจัดการป่าไม้อย่างยั่งยืน ตามที่สภาพิทักษ์ป่า (FSC) ของสหภาพยุโรปกำหนด ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ในปี 2563 นี้แล้ว ไม่เช่นนั้นทั้งยุโรปและญี่ปุ่นจะไม่ซื้อทั้งผลิตภัณฑ์ไม้ยางและยางวัตถุดิบจากสวนที่ ไม่ได้รับการรับรอง ในระยะยาวจะจัดหาเทคโนโลยีที่เหมาะสมสำหรับใช้ทดแทนแรงงานคนในสวนยางเนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนแรงงาน เป้าหมายสำคัญตามยุทธศาสตร์คือ ลดพื้นที่ปลูกยางลงจาก 23.3 ล้านไร่ ให้เหลือ 18.4 ล้านไร่ เพิ่มปริมาณผลผลิตยางจาก 224 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี เป็น 360 กิโลกรัมต่อไร่ต่อปี เพิ่มสัดส่วนการใช้ยางภายในประเทศจากร้อยละ 13.6 เป็นร้อยละ 35 ในปี 2579 เพิ่มมูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ยางจาก 250,000 เป็น 800,000 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มรายได้จากการทำสวนยางจาก 11,984 บาทต่อไร่ต่อปี เป็น 19,800 บาทต่อไร่ต่อปี จากนี้ไปกยท. จะนำยุทธศาสตร์ยางพาราระยะ 20 ปี ให้คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) ให้ความเห็นชอบ แล้วจึงนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาเป็นขั้นตอนต่อไป.