ย้ำ8ปีชายแดนไทย-เขมรสัมพันธ์ไร้ปัญหาทางทหาร
การเมือง
Webmaster
2019-01-14 15:43:00
52
Webmaster
2019-01-14 15:43:00
52
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ปราสาทตาควาย ต.บักได อ. พนมดงรัก จ.สุรินทร์ พ.อ.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 6 ( ผบ.พล.ร.6) ในฐานะรองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (รองผบ.กกล.สุรนารี) พบปะสานสัมพันธ์กับพ.ท.แปน ซาเวน ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 1 (ผบ.พัน ร.1 ) ภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความชื่นมื่น
พ.อ.ณัฏฐ์ กล่าวว่า พื้นที่บริเวณปราสาทตาควายยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเขตแดน ซึ่งนับจากเหตุปะทะกันเมื่อปี 54 ได้พูดคุยกันว่าการปฏิบัติตรงนี้ให้ถือเป็นพื้นที่กลาง ประชาชนสองฝ่ายสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ตามปกติ สำหรับกำลังทหารทั้งสองฝ่ายได้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่ขึ้นมาท่องเที่ยว สำหรับช่วงกลางคืนก็จะนอนร่วมกันโดยจัดทหารฝ่ายละ 2 นาย หากเกิดเหตุการณ์ไม่เข้าใจกันในช่วงกลางคืนจะได้สามารถสื่อสารกันได้ ส่วนในช่วงกลางวันก็ขึ้นอยู่กันนักท่องเที่ยวของแต่ละฝั่งว่ามีมากน้อยแค่ไหน แต่ทหารทั้งสองฝ่ายก็จะมีการประสานกัน
"หลังจบเหตุการณ์ไปเมื่อปี 54 ผู้ใหญ่ทั้งสองประเทศได้พูดคุยกันว่าให้อยู่ด้วยกันอย่างสงบ ส่วนเรื่องเส้นเขตแดนอยู่ตรงไหน หรือเป็นของใครให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดน สำหรับแนวทางในการทำให้เกิดชัดเจนนั้น เป็นเรื่องของหน่วยเหนือ โดยส่วนตัวมองว่า ควรทำให้เกิดความชัดเจน หรือถ้าไม่ชัดเจน ก็ปฏิบัติการร่วมกันเหมือนปัจจุบัน ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหา ตอนนี้ความสัมพันธ์ดีมาก เพราะทหารไทยกับกัมพูชาเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว ในช่วงที่มีปัญหาเกิดความไม่เข้าใจกัน เกิดจากปัจจัยบางอย่าง ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งโดยตรงจากทหาร เราก็ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของรัฐบาลสองฝ่าย" พ.อ.ณัฏฐ์ กล่าว
ด้าน พ.ท.แปน ซาเวน กล่าวว่า ทหารทั้งสองฝ่ายได้ประสานงานด้วยดี มีปัญหาอะไรก็จะร่วมมือกันแก้ไข จากปัญหาใหญ่กลายเป็นปัญหาเล็ก จากปัญหาเล็กกลายเป็นไม่มีปัญหา เจตนารมณ์คือไม่ต้องการให้มีความขัดแย้ง และไม่ให้เกิดสงคราม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศบริเวณดังกล่าวทหารทั้งสองฝ่ายยังคงปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย และมีการพบปะ ดื่มกาแฟกันทุกวันอังคารบนพื้นที่กลาง สานสัมพันธ์พูดคุยกันเพื่อความใกล้ชิด.
พ.อ.ณัฏฐ์ กล่าวว่า พื้นที่บริเวณปราสาทตาควายยังไม่มีความชัดเจนเรื่องเขตแดน ซึ่งนับจากเหตุปะทะกันเมื่อปี 54 ได้พูดคุยกันว่าการปฏิบัติตรงนี้ให้ถือเป็นพื้นที่กลาง ประชาชนสองฝ่ายสามารถเข้ามาเยี่ยมชมได้ตามปกติ สำหรับกำลังทหารทั้งสองฝ่ายได้ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้แก่ประชาชนที่ขึ้นมาท่องเที่ยว สำหรับช่วงกลางคืนก็จะนอนร่วมกันโดยจัดทหารฝ่ายละ 2 นาย หากเกิดเหตุการณ์ไม่เข้าใจกันในช่วงกลางคืนจะได้สามารถสื่อสารกันได้ ส่วนในช่วงกลางวันก็ขึ้นอยู่กันนักท่องเที่ยวของแต่ละฝั่งว่ามีมากน้อยแค่ไหน แต่ทหารทั้งสองฝ่ายก็จะมีการประสานกัน
"หลังจบเหตุการณ์ไปเมื่อปี 54 ผู้ใหญ่ทั้งสองประเทศได้พูดคุยกันว่าให้อยู่ด้วยกันอย่างสงบ ส่วนเรื่องเส้นเขตแดนอยู่ตรงไหน หรือเป็นของใครให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดน สำหรับแนวทางในการทำให้เกิดชัดเจนนั้น เป็นเรื่องของหน่วยเหนือ โดยส่วนตัวมองว่า ควรทำให้เกิดความชัดเจน หรือถ้าไม่ชัดเจน ก็ปฏิบัติการร่วมกันเหมือนปัจจุบัน ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหา ตอนนี้ความสัมพันธ์ดีมาก เพราะทหารไทยกับกัมพูชาเป็นพี่น้องกันอยู่แล้ว ในช่วงที่มีปัญหาเกิดความไม่เข้าใจกัน เกิดจากปัจจัยบางอย่าง ไม่ได้เกิดจากความขัดแย้งโดยตรงจากทหาร เราก็ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของรัฐบาลสองฝ่าย" พ.อ.ณัฏฐ์ กล่าว
ด้าน พ.ท.แปน ซาเวน กล่าวว่า ทหารทั้งสองฝ่ายได้ประสานงานด้วยดี มีปัญหาอะไรก็จะร่วมมือกันแก้ไข จากปัญหาใหญ่กลายเป็นปัญหาเล็ก จากปัญหาเล็กกลายเป็นไม่มีปัญหา เจตนารมณ์คือไม่ต้องการให้มีความขัดแย้ง และไม่ให้เกิดสงคราม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศบริเวณดังกล่าวทหารทั้งสองฝ่ายยังคงปฏิบัติหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย และมีการพบปะ ดื่มกาแฟกันทุกวันอังคารบนพื้นที่กลาง สานสัมพันธ์พูดคุยกันเพื่อความใกล้ชิด.
