หมอแนะเย็บ'ผ้าขาวม้า'ติดกัน4ชั้นป้องฝุ่นจิ๋ว
การเมือง
นพ.สุรโชค กล่าวว่า หน้ากากอนามัยเอ็น 95 จะมีความละเอียดสูงมาก ใส่ยาก ใส่ได้ระยะเวลาสั้นเท่านั้นเพราะทำให้หายใจลำบาก ส่วนใหญ่ที่แพทย์ใช้ก็ใช้ในห้องไอซียู ห้องผู้ป่วยติดเชื้อ ซึ่งเข้าไปในนั้นไม่นานก็ถอดออก อย่างไรก็ตาม ไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก คนที่ทำงานกลางแจ้งในพื้นที่นั้นอาจจะจำเป็นต้องสวม แต่ก็ห่วงว่าสวมแล้วจะสวมได้นานแค่ไหน เพราะค่อนข้างหายใจลำบาก ทั้งนี้ การเอาผ้าชุบน้ำมาปิดจมูกก็ช่วยได้ เพราะการเข้าผ้าชุบน้ำจะช่วยปิดช่องว่างของผืนผ้าได้ อย่างไรก็ตามถ้าเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งในพื้นที่เสี่ยงได้ก็ดี หากต้องแค่สัญจรไปพื้นที่นั่นเป็นเวลาสั้นๆ ก็ไม่ต้องเป็นห่วง ไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าชุบน้ำปิดจมูกด้วยซ้ำ
ด้าน รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจ และวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ปัญหาคุณภาพอากาศเป็นสิ่งที่องค์การอนามัยโลกให้ความห่วงใยในหลายประเทศ เนื่องจากส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ซึ่งค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เริ่มเป็นปัญหาในประเทศไทยมากขึ้น โดยจะทำให้คนที่ มีโรคประจำตัว ระบบทางเดินหายใจ โรคหลอดเลือด และหัวใจ ภูมิแพ้จะแสดงอาการได้อย่างเด่นชัด และอาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคถุงลมโป่งพองไม่แพ้คนสูบบุหรี่ นอกจากนี้ ยังส่งผลต่อหญิงตั้งครรภ์ อาจได้รับอันตรายได้ แม้ในทางวิชาการจะไม่ยืนยันว่าอาจทำให้เกิดการแท้ง แต่ก็ไม่ควรออกไปรับฝุ่นละออง ในพื้นที่สภาพอากาศวิกกฤตสีแดง ขณะนี้ รพ.รัฐ และมหาวิทยาลัย มีการให้เก็บข้อมูลเกี่ยวกับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ คาดว่าจะค่อยๆ ปรากฏ ซึ่งในส่วนของรพ.ศิริราชก็เริ่มพบผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจ มากขึ้นใน 2-3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ กล่าวว่า กทม.เป็นแอ่งกระทะ ขณะนี้มวลอากาศชื้น และอับ ทำให้ค่าฝุ่นละอองปรากฏสูงขึ้น จะค่อยๆ ตกตะกอนในช่วงค่ำพระอาทิตย์ตก ไปจนถึง ช่วงเช้า 04.00-07.00 น. และอากาศจะค่อยๆดีขึ้นในช่วงสาย จึงเตือนคนที่ชอบออกกำลังกายตอนเช้า เดิน วิ่ง ในพื้นที่ที่กรมควบคุมมวลพิษเตือนควรงด ทั้งนี้หน้ากากอนามัยเอ็น 95 ป้องกันได้ แต่ใช้ได้ครั้งเดียว และมีราคาแพง ฉะนั้น หากจำเป็นต้องเป็นในพื้นที่เสี่ยง ก็สามารถใช้หน้ากากอนามัยปกติ แต่สวม 2 ชั้น ถ้าต้องการใช้หน้ากากแบบผ้า ก็แนะนำว่าเคยมีการทดลองใช้ ผ้าขาวม้า 4 ชั้น มาเย็บติดกันก็มีคุณภาพเทียบเท่าเอ็น 95 และสามารถใช้ได้บ่อย มากกว่า
วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับการร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่และบุคลากรของโรงพยาบาลศิริราช ว่า ร้านค้าด้านข้างโรงพยาบาลมีการขึ้นราคาหน้ากากอนามัยชนิดคาร์บอน จากที่เคยซื้อเมื่อวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมาในราคากล่องละ 350 บาทซึ่งใน 1กล่องจะมีหน้ากากชนิดคาร์บอนจำนวน 50 แผ่น เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ราคาแผ่นละ 7 บาท แต่ปรากฏว่าในวันที่ 14 ม.ค.นี้ เมื่อกลับไปซื้อหน้ากากชนิดคาร์บอนร้านเดิม กลับไม่มีการขายยกกล่อง มีเพียงการแบ่งขายปลีกแต่ราคากลับสูงถึงแผ่นละ 15 บาท ดังนั้นจึงอยากให้ผู้ที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย.