ข่าวคสช.ขอผู้ประกอบการเพิ่มมาตรการรับ-ส่งพัสดุ - kachon.com

คสช.ขอผู้ประกอบการเพิ่มมาตรการรับ-ส่งพัสดุ
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s

เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (เลขาธิการ คสช.) ได้เชิญส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด อาวุธสงคราม สิ่งผิดกฎหมาย พร้อมด้วยผู้บริหารบริษัทขนส่ง/ผู้ประกอบการธุรกิจรับ-ส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ชั้นนำ 15 บริษัท อาทิ บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอสซีจี เอ็กซ์เพรส, บริษัท ไดนามิคโลจิสติกส์ , จำกัด บริษัท นิ่มเอ็กซ์เพรส จำกัด , บริษัท ลาล่ามูฟ ประเทศไทย บริษัท ทีเอ็นที เอ็กซ์เพรส เป็นต้น ร่วมประชุม

พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า วันนี้ตนได้เชิญผู้ประกอบการจัดส่งพัสดุไปรษณีย์ ทั้งไปรษณีย์ไทย และบริษัทที่มีชื่อเสียงหลายบริษัทที่ดำเนินการส่งพัสดุมาประชุมหารือกันในเรื่องว่าเราจะทำอย่างไรเพื่อลดปัญหาเรื่องการใช้บริการบริษัทขนส่งในการส่งยาเสพติด อาวุธสงคราม หรือสิ่งผิดกฎหมายผ่านทางพัสดุไปรษณีย์ ทั้งนี้การให้ความสำคัญกับระบบการขนส่งสินค้าและพัสดุเป็นอีกมาตรการหนึ่งที่ คสช. จะนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหายาเสพติดตามนโยบายเร่งด่วนที่กำลังดำเนินการอยู่ ซึ่งได้รับการตอบรับจากผู้ที่ให้บริการเป็นอย่างดี เนื่องจากในปัจจุบันมีการค้าขายผ่านทางออนไลน์จำนวนมาก ทำให้มีผู้ใช้บริการเป็นล้านชิ้นต่อวัน ทางบริษัทจึงควรมีมาตรการในการดูแลและไม่ให้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการขนส่งดังกล่าว

เลขาธิการ คสช.กล่าวว่า การแก้ไขปัญหายาเสพติดที่บั่นทอนประเทศและเยาวชน เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่มอบให้หน่วยงานด้านความมั่นคงเร่งปราบปรามในช่วง 3 เดือนนี้ จนปรากฏผลการจับกุมยาเสพติดเป็นจำนวนมาก ในขณะเดียวกันปัจจุบันระบบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce) และระบบการจัดการส่งสินค้า (Logistics) ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้มีผู้ใช้บริการขนส่ง พัสดุภัณฑ์เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ตรวจพบมีการลักลอบกระทำผิดกฎหมายโดยผ่านธุรกิจรับ-ส่งพัสดุภัณฑ์ จึงมีความจำเป็นที่ส่วนที่เกี่ยวข้องจะต้องมาร่วมกันกำหนดมาตรการที่เหมาะสมในการป้องกันมิให้มีการใช้ช่องทางดังกล่าวกระทำผิดกฎหมาย ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้พิจารณาเพิ่มความเข้มงวดในมาตรการรับ-ส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ เช่น การติดตั้งกล้องวงจรปิดบริเวณพื้นที่รับ-ส่ง การบันทึกข้อมูลบัตรประชาชนของผู้ใช้บริการ การอำนวยความสะดวกให้มีการบรรจุหีบห่อ ณ จุดบริการ การใช้ระบบตรวจติดตามการให้บริการ หรือ Tracking System เป็นต้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้ประกอบการ

นอกจากนี้ พล.อ.อภิรัชต์ ยังได้มอบหมายให้ กอ.รมน.ร่วมกับ ป.ป.ส. และส่วนงานที่เกี่ยวข้อง พิจารณาจัดตั้ง ศูนย์รับแจ้งเรื่องตรวจพบการขนสิ่งผิดกฎหมายผ่านธุรกิจให้บริการรับ-ส่งสินค้าและพัสดุภัณฑ์ เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้นำข้อมูลเข้าสู่ระบบการตรวจสอบต่อไป และยังเป็นการป้องกันผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์ของภาคเอกชนด้วย ทั้งนี้ ตนจะไม่หยุดเพียง 3 เดือน แต่จะทำแบบเข้มข้นไปตลอด เพราะถือว่าเป็นตัวทำลายชาติ และเยาวชนคนไทยอย่างยิ่ง ซึ่งมาตรการเร่งด่วนใน 3 เดือนนั้นเป็นเพียงสถิติตัวเลข ที่ชี้ให้เห็นว่าปริมาณที่สิ่งผิดกฎหมายเข้ามาในประเทศไทยมากมายมหาศาล