'อนุทิน'ลั่นขอเป็นศัตรูหมายเลข1กับความยากจน
การเมือง
ทั้งนี้ก่อนเริ่มงานนายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา ได้มามอบผ้าขาวม้าคาดเอวให้นายอนุทิน เพื่อให้นำสู้ศึกเลือกตั้งให้ได้ชัยชนะในครั้งนี้ จากนั้นนายอนุทิน หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวปราศรัยบนเวทีโดยได้เซลฟี่ภาพร่วมกับประชาชนที่มาร่วมงานด้วย และกล่าวตอนหนึ่งว่า ก่อนมาที่จ.บุรีรัมย์ มีคนถามทำไมต้องมาเปิดเวทีใหญ่ทั้งนโยบายและผู้สมัครทั่วประเทศที่จ.บุรีรัมย์ ซึ่งคำตอบง่ายๆ เพราะพรรคมีความผูกพันแน่นแฟ้นกับจ.บุรีรัมย์ เนื่องจากพรรคได้รวมตัวที่จ.บุรีรัมย์ และเดินหน้าทำการเมืองด้วยกัน ภายใต้ชื่อ “ภูมิใจไทย” ซึ่ง จ.บุรีรัมย์ เปรียบเสมือนบ้านตน เพราะเป็นบ้านของคนที่ตนนับถือเป็นแบบอย่างในการรักแผ่นดินเกิด รักประชาชน คือ นายชัย อดีตประธานรัฐสภา ซึ่งมีเมตตา อดทน เหมือนพ่อแท้ๆ ส่วนตัวได้มาขอเป็นลูกคนที่3 โดยก็รับเป็นลูก แต่ไม่รู้รักใครมากกว่าระหว่างตนกับลูกคนที่ 3 (เนวิน ชิดชอบ)
“ผมมีความรักพี่ชายสุดหัวใจ คือ พี่เนวิน ชิดชอบ แม้หลายคนสงสัยคบกันมาได้อย่างไร 10 กว่าปี เพราะเปรียบเหมือนพี่ชาย เป็นครูคอยชี้แนะ และบอกผมทุกวันว่าหากทำงานการเมือง ให้รักประชาชนมากกว่ารักตัวเอง ดังนั้น จ.บุรีรัมย์ จึงเป็นเหมือนบ้านผม บ้านเกิดพ่อ บ้านเกิดพี่ชาย และทำไมต้องมาที่บุรีรัมย์”นายอนุทิน กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า วันนี้ จ.บุรีรัมย์มีความเจริญเติบโตมาก เป็นเมืองที่นักลงทุน นักท่องเที่ยวทั่วโลก มาเยือนปีละ 3 ล้านคน ซึ่งสิ่งเหล่านี้พรรคจะใช้ บุรีรัมย์โมเดล ไปสร้างความเจริญให้กับคนทั้งประเทศ และพัฒนาประชาชนให้มีรายได้เพิ่มมากขึ้น รวมมูลค่าทรัพย์สิน
“พรรคจะทำให้ประชาชนมีรายได้มากขึ้นไม่พอ แต่ต้องมีความสุข และทำให้บ้านเมืองไม่มีความแตกแยก ขัดแย้ง จะทำให้ได้ทั่วทั้งประเทศ จะได้เมืองไทยงดงามน่าอยู่กลับคืนมา ถ้าเลือกคนพรรคเป็นผู้แทนของประชาชน เป็นรัฐบาลบริหารประเทศ สิ่งที่พูดไปทั้งหมดจะเกิดขึ้นทุกพื้นที่ เหมือนเช่นเดียวกับจ.บุรีรัมย์ และผู้สมัครพรรคมีความพร้อมที่เข้ามาแก้ไขปัญหาปากท้อง เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีมีสุข หลุดพ้นความทุกข์ ถือเป็นหลักการของพรรคต้องทำ”หัวหน้าพรรค กล่าว
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พรรคมี 4 แนวทางหลักสำคัญเพื่อทำงานให้บ้านเมือง คือ 1.แก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของประเทศ วันนี้พรรคประกาศเจตนารมณ์ “จะลดอำนาจ เพื่อปากท้องพี่น้องประชาชน” โดยพรรคให้ความสำคัญกับเรื่องเป็นสิ่งแรก เพราะเข้าใจความต้องการประชาชน รวมถึงผู้สมัครทุกคนต้องตั้งใจทำงานเรื่องนี้ ต้องมีจุดหมายเดียวกัน หากคนใดไม่ทำ ก็ไม่มีโอกาสได้ใส่เสื้อภูมิใจไทย 2.ไม่สร้างความขัดแย้ง เพราะถือเป็นอุปสรรคต่อความเจริญก้าวหน้า และทำให้ความสมานฉันท์ไม่มี ฉุดกระชากไม่ให้ประเทศเดินหน้า ทำให้ไม่มีกินมีใช้ พรรคจะทำให้ความขัดแย้งหมดไปจากประเทศ 3.ผู้สมัครมีความรู้ความสามารถ เพราะพรรคมีการคัดสรร เลือกคนดี คนทำงานเก่ง คนทำงานเป็น มารับใช้ประชาชนเพื่อให้ตัดสินใจ และ 4.พรรคเคารพกติกา และเลือกข้างมานานแล้ว โดยเลือกอยู่กับประชาชน และพรรคไม่เคยเป็นตัวแทนใครหรือกลุ่มอำนาจใดนอกจากประชาชน และเลือกอยู่ข้างประเทศไทย โดยมีประชาชนเป็นผู้บังคับบัญชาพรรค และพรรคจะฟังคำสั่งจากประชาชนเท่านั้น และพรรคจะอยู่อย่างนี้ตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง
“ผมขอฝากพรรคไว้ในหัวใจ ให้โอกาสได้เข้าไปรับใช้ และขอพลังจากประชาชนให้พวกมีความกล้าหาญเข้าไปทำลายขีดข้อจำกัด ถ้าเลือกพรรคขอประกาศเป็นศัตรูกับความยากจน ซึ่งถือเป็นศัตรูหมายเลข 1 ความเหลื่อมล้ำสังคม และขออาสาประชาชนเข้ามาทำลายทุกข้อจำกัดนี้ เพื่อลดอำนาจรัฐ เพื่อปากท้องประชาชน”หัวหน้าพรรค กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนายอนุทิน ปราศรัย “ได้สั่งให้ลูกพรรคถอดแว่นกันแดดออก รวมถึงขอให้เลขาธิการพรรคเช็กว่าใครยังใส่อยู่ เพราะหากเห็นใครยังใส่แว่นกันแดดอยู่ ก็คัดชื่อออกจากการเป็นส.ส. เพราะประชาชนยังไม่ใส่ และเราเป็นพวกเดียวกัน ซึ่งผมก็มีทะเบียนบ้านอยู่ที่นี่”
ด้านนายศักดิ์สยาม เลขาธิการพรรค ได้ขึ้นเปิดนโยบายของพรรคอาทิ การแบ่งปันผลกำไรสินค้าการเกษตร การพักหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 5ปี และ ยกระดับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.)ด้วยเงินเดือน 2,500-10,000บาท เป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรัยบรรยากาศภายรอบเวทีปราศรัย พรรคภูมิใจไทยได้มีการตั้งโต๊ะเพื่อให้ประชาชนที่มาร่วม ได้ลงชื่อสนับสนุนนโยบายต่างๆ โดยพบว่านโยบายที่ประชาชนลงชื่อให้การสนับสนุนเป็นอันดับ 1 นโยบายทวงคืนกำไรให้ชาวนาและเกษตรกร อันดับ 2 พักชำระหนี้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นเวลา 5 ปี โดยประชาชนให้เหตุผลว่าทั้ง 2 เรื่อง ถือเป็นเรื่องใกล้ตัว และหากทำได้จริงจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนได้เป็นอย่างมาก.