ข่าวชี้หมดยุครอพระเอกขี่ม้าขาวแนะปชช.มีส่วนร่วมเดินหน้าปท. - kachon.com

ชี้หมดยุครอพระเอกขี่ม้าขาวแนะปชช.มีส่วนร่วมเดินหน้าปท.
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 19 ม.ค. เวลา 09.30 น. ที่อาคารปฏิบัติการวิทยุโทรทัศน์ บมจ. อสมท. หลักสูตรผู้บริหารการสื่อสารมวลชนระดับสูงด้านกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(บสส.) รุ่นที่ 8 สถาบันอิศรา จัดสัมมนาสาธารณะ"มองเมืองไทยให้ไกลกว่าได้เลือกตั้ง" โดยนายเจษฎ์ โทณะวณิก นักวิชาการด้านกฎหมายและอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ(กมธ.) กล่าวว่า จากโพลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ยังต้องมาตอบคำถามทั้งเรื่องปัญหาปากท้อง เรื่องประชาธิปไตย และเรื่องพื้นฐานอื่นๆ จึงแสดงถึงความเป็นประเทศกำลังพัฒนาอย่างชัดเจน แม้เขียนกฎหมายให้ดีอย่างไร ประเทศก็ยังวนเวียนกับการต่อสู้และแย่งชิงอำนาจกันของนักการเมือง ซึ่งการเล่นการเมืองมีอยู่ทั่วโลก แต่อยู่ที่จะสร้างความเสียหายหรือสร้างความก้าวหน้าให้กับบ้านเมือง

ดังนั้นการพัฒนาชาติบ้านเมืองจึงเป็นโจทย์สำคัญ ทั้งนี้ในยุคการเลือกตั้งเป็นการต่อสู้แย่งชิงอำนาจระหว่างนักการเมือง แต่ยุคการปฏิวัติรัฐประหารเป็นการแย่งชิงอำนาจระหว่างทหารและพลเรือน ดังนั้นไม่ว่าในยุคใดเราไม่เคยลืมเรื่องการต่อสู้แย่งชิงอำนาจแบบนี้ ขณะที่ในต่างประเทศ เช่น เวียดนามและญี่ปุ่นที่มีภูมิหลังที่เจ็บช้ำกับสหรัฐฯ แต่เมื่อถึงเมื่อถึงเวลาลืมก็สามารถร่วมมือกันได้ แต่ประเทศไทยไม่เคยพัฒนาถึงจุดนั้นเลย หากมองย้อนประวัติศาสตร์จะเห็นว่าไม่เคยมีประเทศไหนมาทำร้ายและย่ำยีประเทศไทย มีแต่คนไทยที่ทำร้ายกันเองตลอด ตั้งแต่เมื่อครั้งเสียกรุงครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 สิ่งที่ทำประเทศล่มจมคือคนไทยทำร้ายกันเอง

นายเจษฎ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้เมื่อ 22 พ.ค. 2557 ที่มีการปฏิวัติรัฐประหาร ประชาชนมีความหวังมาก โดยเฉพาะมีการประกาศปฏิรูปบ้านเมืองหลายด้าน แต่จนถึงวันนี้เหลืออีกไม่กี่เดือนจะเลือกตั้งต้องถามว่าเรื่องปฏิรูปได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง อาทิ ด้านการศึกษาและเศรษฐกิจ ดังนั้นหากถามว่าหลังการเลือกตั้งเราจะได้อะไรจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ขอพูดตรงๆ ง่ายๆว่า คงไม่ได้ประโยชน์ เพราะสิ่งเหล่านี้คือมายา อีกทั้งคนรุ่นใหม่ของพรรคการเมืองในขณะนี้นั้น การเป็นคนรุ่นใหม่ต้องไม่ใช่แค่อายุ แต่ต้องคิดใหม่และสร้างนวัตกรรมการเมืองใหม่ให้ได้ด้วย หากคิดและทำการเมืองแบบเดิม ถือเป็นเพียงคนรุ่นเก่าที่เกิดใหม่ ดังนั้นหลังการหย่อนบัตรเลือกตั้งชีวิตเราจะเป็นอย่างไรจะฝากความหวังเพียงนักการเมืองไม่ได้ จึงต้องฝากความหวังตัวเองด้วยที่ประชาชนต้องมีส่วนร่วมทุกๆด้าน ดังนั้นอย่าแค่ตระหนก แต่ต้องตระหนักและตกใจด้วยว่าเรามีวันนี้ได้อย่างไร ดังนั้นการทำประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่ได้อยู่ที่รัฐบาล ผู้นำ นโยบาย หรือยุธศาสตร์ชาติเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่ประชาชนทุกคนที่ต้องมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน ถูกต้องและจัดการกับวิสัยทัศน์นั้นได้ด้วย

ขณะที่น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า วันนี้มีความคาดหวังจะไปเลือกตั้ง อยากเห็นการเลือกตั้งเกิดขึ้นเร็วที่สุด และไม่อยากให้ทุกคนหมดหวังกับการเลือกตั้ง เพราะถึงอย่างไรการเลือกตั้งเป็นเรื่องสำคัญ แต่อย่าคิดว่าการเลือกตั้งจะแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง เพราะที่ผ่านมามีคนชอบบอกว่าจะแก้ไขปัญหา แต่สุดท้ายไม่เคยแก้อะไรเลย ดังนั้นหมดยุคที่จะรอพระเอกขี่ม้าขาว เราต้องทำเองโดยมีส่วนร่วมสร้างความเปลี่ยนแปลง อีกทั้งสิ่งที่อยากเห็นหลังการเลือกตั้งคือ การลดความเหลื่อมล้ำที่ทำได้จริง พร้อมการพัฒนาสวัสดิการ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้นได้.