เมื่อวันที่ 19 ม.ค. พญ.พรรณพิมล วิปุลากร อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ตามที่สำนั
กงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เลขที่ 388 พ.ศ. 2561เรื่อง กำหนดอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ซึ่งกำหนดให้น้ำมันที่ผ่
านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่
วนและอาหารที่มีน้ำมันที่ผ่
านกระบวนการเติมไฮโดรเจนบางส่
วนเป็นส่วนประกอบ (ไขมันทรานส์) เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่าย ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น กรมอนามัยขอสนับสนุนมาตรการดั
งกล่าวซึ่งจะช่วยลดการบริ
โภคอาหารที่มีไขมันทรานส์ลง เนื่องจากเป็นที่ทราบกันดีว่
าไขมันทรานส์ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพิ่มไตรกลีเซอร์ไรด์ เพิ่มระดับไขมันตัวร้าย แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล ลดระดับไขมันตัวดี เอชดีแอล-คอเลสเตอรอล ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติ
ดต่อเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง อัมพฤกษ์ อัมพาต เสี่ยงต่อจอประสาทตาเสื่อม นิ่วในถุงน้ำดี และยังเกี่ยวข้องกับการเกิ
ดโรคอัลไซเมอร์

ด้าน ดร.สายพิณ โชติวิเชียร ผอ.สำนักโภชนาการ กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าไม่
ควรรับประทานกรดไขมันทรานส์
มากกว่า 1% ประมาณ 2 กรัมต่อวันหรือไม่ควรบริโภคเป็
นประจำ และควรรับประทานกรดไขมันอิ่มตัว น้อยกว่า 10 % หรือน้อยกว่า 18-22 กรัมต่อวัน หากเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคไม่ติ
ดต่อเรื้อรัง ควรรับประทานไขมันอิ่มตัวน้
อยกว่า 7 % หรือน้อยกว่า 12-15.5 กรัมต่อวัน ทั้งนี้ไขมันอิ่มตัวเป็นตัวหนึ่
งที่เพิ่มความเสี่ยงเกิดโรคไม่
ติดต่อเรื้อรัง โดยไปเพิ่
มคอเลสเตอรอลโดยรวมในร่างกาย แต่ไม่ได้ไปลดไขมันดี ถือว่าไม่ร้ายเท่าไขมันทรานส์ อย่างไรก็ตาม ขอให้ประชาชนหลีกเลี่
ยงอาหารไขมันมาก ได้แก่ อาหารทอด ฟาสฟูดส์ ขนมอบและเบเกอรี่ รวมถึงไขมันที่มาจากสัตว์ เช่น เนื้อติดมัน เนื้อมันแทรก มันหมู หนังไก่ สะโพกไก่ เนย ชีส และไขมันจากพืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันปาล์ม ครีมเทียม เป็นต้น และควรเลือกรับประทานอาหารที่มี
ไขมันอย่างเหมาะสม ลดที่มีไขมันอิ่มตัว ใช้น้ำมันที่ปรุงอาหารให้
หลากหลายในปริมาณไม่เกิน 6 ช้อนชาต่อวัน หลีกเลี่ยงการกินน้ำมั
นโดยตรงและขอให้อ่
านฉลากโภชนาการทุกครั้งก่อนซื้อ และเพิ่มการกินผักและผลไม้
รสหวานน้อยหลากหลายชนิดเป็
นประจำ.