ข่าว'ทักษิณ'หนุนรถพลังงานไฟฟ้า-งดเผาตอข้าวแก้วิกฤติฝุ่น - kachon.com

'ทักษิณ'หนุนรถพลังงานไฟฟ้า-งดเผาตอข้าวแก้วิกฤติฝุ่น
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้กล่าวในรายการ “Good Monday รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกกับดร.ทักษิณ ชินวัตร” ถึงการแก้วิกฤติฝุ่นว่า ประเทศไทยมีปัญหาที่ตกใจกันมากก็คือเรื่องของฝุ่น เรื่องของอากาศมลพิษที่มีฝุ่นขนาดเล็กถึง 2.5 ไมครอน ซึ่งเป็นขนาดที่อันตรายในการทะลุทะลวงเข้าไปในหลอดเลือดต่างๆ ทำให้สุขภาพเสียหาย ทั้งนี้ การมีมลภาวะติดอันดับ 10 ของโลกมันเสียหาย 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือสุขภาพอนามัยของคนไทย และส่วนที่สองคือความเสียหายทางเศรษฐกิจ คือเรื่องของภาพพจน์ที่เสียหายไป การท่องเที่ยวก็จะมีผล เพราะคนไม่อยากจะมาในช่วงที่ภาวะมลพิษทางอากาศสูงอย่างนี้ ดังนั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องที่จะต้องแก้

นายทักษิณ กล่าวต่อว่า เรื่องรถโดยเฉพาะรถดีเซลกับรถที่ไม่ได้มาตรฐาน รถเก่า หมดสภาพ ควันเยอะ ปัญหารถติด ปัญหารถมาก ต้องได้รับการแก้ไขระยะยาวคือ ต้องแก้ปัญหาเรื่องรถติดอย่างจริงจัง และการส่งเสริมให้อุตสาหกรรมรถยนต์เปลี่ยนจากการใช้เครื่องยนต์เป็นรถไฟฟ้า เราเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์เพื่อส่งออก ถ้าเราไม่มีแผนที่ชัดเจนเขาย้ายหนีหมด บริษัทรถยนต์ที่ผลิตอยู่ในประเทศไทย เราต้องพยายามจูงใจให้เปลี่ยนมาผลิตรถไฟฟ้าให้ได้ เพื่อลดมลภาวะของเราเอง และมันถูกตังค์ด้วยในอนาคต เพราะเราไม่ต้องนำเข้าน้ำมันมากมาย ถ้าเรามีนโยบายที่ชัดเจน บริษัทรถยนต์เหล่านี้ก็จะหันมาผลิตรถไฟฟ้าในเมืองไทย เราก็จะดำรงความเป็นศูนย์กลางในการผลิตรถยนต์เพื่อการส่งออกได้อยู่ต่อไป  เพราะฉะนั้นต้องมีนโยบายที่ชัดเจนว่า การจะไม่ให้รถที่เป็นเครื่องยนต์วิ่งได้นั้นจะอีกกี่ปี รวมทั้งสร้างบุคลากรด้วย ไม่ใช่ว่าจูงใจอย่างเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนอาชีวะทั้งหลาย น่าจะฝึกนักเรียนอาชีวะให้เป็นนายหุ่นยนต์ให้หมด

“แต่ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้คนที่มีรถที่เป็นเครื่องยนต์ธรรมดาวันนี้ต้องเดือดร้อน มันจะมีช่วงระยะเวลาในการเปลี่ยน สมมุติว่าวันนี้รถเราหมดอายุแล้วจะซื้อใหม่ ถ้าไปซื้อรถไฟฟ้าอาจจะซื้อได้ถูกกว่า หรือมีแรงจูงใจทางภาษีอะไรก็แล้วแต่ เพื่อจะให้คนเปลี่ยนจากรถเครื่องยนต์ธรรมดาที่หมดสภาพ หมดอายุแล้ว หรือจะซื้อใหม่ ให้ไปซื้อรถไฟฟ้า เราก็จะลดจำนวนรถยนต์ที่ใช้ดีเซลก็ดี ใช้เครื่องยนต์ก็ดี ที่วิ่งในกรุงเทพฯ ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดมลภาวะที่เกิดจากรถยนต์ก็จะหายไป”อดีตนายกฯ กล่าว

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวเพิ่งเสร็จ เกษตรกรมักจะเผาตอข้าวแทนที่จะขุดหรือขังน้ำไว้ให้เน่า ประเทศเวียดนามเขานิยมขังไว้ให้เน่า เพราะการเผาเป็นการทำลายจุลินทรีย์ในดิน ทำให้ฤดูกาลต่อไปผลผลิตอาจจะตกต่ำ ต้องใช้ปุ๋ยเยอะ ต้องใช้ยาฆ่าแมลงเยอะ ซึ่งตอข้าวที่เน่าจะเป็นปุ๋ย ทำให้ผลผลิตในปีต่อไปมากขึ้น ลดการใช้ปุ๋ยขึ้น เราต้องรณรงค์เพื่อให้เกษตรกรเข้าใจว่าทำแบบนี้ดีกว่าและเป็นประโยชน์ด้วย เขาเข้าใจแล้วเขาก็จะทำ หน้านี้เป็นหน้าหนาว ลมมันแรง ก็จะหอบสิ่งเหล่านี้เข้ามาสุมกับฝุ่นจากรถยนต์ เพราะฉะนั้นถ้าวันนี้เราถือเอาวิกฤตตรงนี้เป็นโอกาสโดยการรณรงค์เกษตรกรลดการเผาทั้งหลาย เปลี่ยนเป็นการปล่อยให้มันเน่าบนดินแล้วเป็นปุ๋ยในตัว

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ดูไบถึงแม้จะมีฝุ่นเป็นอันดับ 10 ของโลก แต่ฝุ่นดูไบเกิดจากพายุทะเลทราย ที่นี่ไม่ค่อยมีรถดีเซล เขาไม่ส่งเสริมรถดีเซลเลย แต่เขาขยันปลูกต้นไม้ที่มาจากเมืองไทยแทบทั้งนั้น อยากให้กรุงเทพฯ รักษาต้นไม้หรือเพิ่มต้นไม้หน่อย เพราะประเทศเราเป็นประเทศที่ปลูกต้นไม้ได้ แต่วันนี้เราปลูกตึกจนทิ้งต้นไม้ ทั้งนี้ นักอนาคตศาสตร์ชื่อ อัลวิน ท็อฟฟ์เลอร์ พูดคำว่า The Third Wave คลื่นลูกที่ 3 ไว้ คลื่นลูกแรกคือยุคเกษตรกรรม เป็นยุคที่ผู้คนมีน้ำจิตน้ำใจต่อกัน สิ่งแวดล้อมดี สะอาดสะอ้าน สุขภาพดี แต่พอมายุคที่ 2 ยุคอุตสาหกรรม เป็นยุคที่ผู้คนละโมบ มือใครยาวสาวได้สาวเอา อยากจะแข่งกันผลิตจำนวนมากๆ เพื่อให้รวยๆ ยุคนี้เลยทำให้เป็นยุคที่ทำลายสิ่งแวดล้อม วัฒนธรรมที่ดีงามทั้งหลายเสียหายไป สุขภาพก็แย่ลง เพราะทุกคนต้องรีบทำงาน อยากจะทำงานจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง และคลื่นลูกที่ 3 เป็นคลื่นของเทคโนโลยีด้านสังคมข่าวสาร ข้อมูลข่าวสาร ใครทำมาหากินด้านสุขภาพจะถูกทาง เพราะคนเริ่มห่วงใยสุขภาพ พอมีตังค์แล้วกลัวตาย กลัวป่วย และยิ่งเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันยาว คนพูดกันถึงอายุ 120 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม อยากให้ทุกคนลองดูว่าอนาคตโลกจะไปทางไหน แล้วประเทศไทยจะรับมืออย่างไร ไม่ว่าเรื่องของการสาธารณสุข สังคม แม้กระทั่งเรื่องของศิลปวัฒนธรรม รวมทั้งที่สำคัญที่สุดคือ เทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนโลกทั้งหลายมันกำลังเข้ามา.