ข่าวนายกฯชี้ผู้ก่อเหตุชายแดนใต้ หวังดึงสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง - kachon.com

นายกฯชี้ผู้ก่อเหตุชายแดนใต้ หวังดึงสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกแถลงการณ์ถึงสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความว่า "จากสถานการณ์ความรุนแรงซึ่งเกิดขึ้นในระยะนี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามในการสร้างสถานการณ์เอื้อประโยชน์ต่อตนเอง และพยายามดึงเข้าสู่เงื่อนไขความขัดแย้ง อันจะทำให้สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยไปสู่สากล ให้เกิดการรับรู้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ด้วยการใช้การเสนอข่าวของสื่อมวลชน และสื่อโซเชียลเป็นเครื่องมือ ในขณะที่ประชาชนทั่วประเทศกำลังให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมืองที่จะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีความพยายามใช้เหตุการณ์ความรุนแรงที่อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 18 ม.ค. 2562 ทำลายขวัญกำลังใจ ความอดทนในการแก้ปัญหาอย่างสันติวิธีของไทย มุ่งหวังจะให้เจ้าหน้าที่ใช้กำลังเข้าปราบปรามอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อเข้าสู่เงื่อนไขสากล นำไปสู่การปฏิบัติการขององค์การระหว่างประเทศดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในหลายพื้นที่ในหลายประเทศ  

ทั้งนี้สังคม สื่อมวลชน สื่อโซเชียล และสื่อต่างๆ ควรเข้าใจในประเด็นนี้ และช่วยกันสร้างความเชื่อมั่น  เพิ่มการเฝ้าระวัง แจ้งข่าวสาร ไม่สนับสนุนความพยายามดังกล่าว ประชาชนซึ่งถือเป็นเป้าหมายอ่อนแอ เช่น ครู นักเรียน พระสงฆ์ ผู้นำศาสนา ประชาชนทั่วไป รวมถึงเจ้าหน้าที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัย ล้วนแต่ได้รับการดูแลและเฝ้าระวังอยู่แล้ว แต่ต้องยอมรับว่า จากจำนวนและความกว้างขวางของพื้นที่ รวมถึงห้วงเวลาในการดำเนินชีวิตปกติของประชาชนนั้น ทำให้ไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง หรือร้อยเปอร์เซ็นต์ หากพื้นที่ใดต้องการให้มีการดูแลเป็นพิเศษ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร หรือ กอ.รมน.ภาค 4 ได้โดยตรง ตลอดจนขอให้ประชาชนช่วยกันเฝ้าระวังและให้ข้อมูลข่าวสารกับเจ้าหน้าที่ด้วย

อย่างไรก็ตามรัฐบาล และคสช. ขอให้ทุกคนให้กำลังใจประชาชนทั่วไป ผู้นำศาสนาทุกศาสนา ครู นักเรียน รวมถึงเจ้าหน้าที่พลเรือน ตำรวจ ทหาร ทุกคนในพื้นที่ เพราะเขาอยู่ในพื้นที่เสี่ยง อันตราย และขอให้ประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เคารพกฎระเบียบ กติกาที่ฝ่ายความมั่นคงกำหนด เพื่อความปลอดภัยของทุกคน เช่น การตั้งจุดตรวจ ด่านตรวจ การตรวจยานพาหนะ การตรวจค้นสถานที่ ฯลฯ รวมทั้งขอให้สื่อมวลชน สื่อโซเชียล เสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง และพรรคการเมือง นักการเมืองหาเสียงด้วยความระมัดระวังเช่นกัน  

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่จะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างเต็มความสามารถ ด้วยความระมัดระวัง ป้องกันดูแลประชาชนและตนเองให้ได้ไปพร้อมๆ กัน คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนผู้บริสุทธิ์ พัฒนางานด้านการข่าวควบคู่ไปกับการปรับยุทธวิธีให้เหมาะสม โดยรัฐบาลและคสช.ยังคงบังคับใช้กฎหมาย และบริหารราชการแผ่นดินได้อย่างเต็มที่เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ 

ในส่วนของการพูดคุยสันติสุข ยังคงดำเนินการต่อไป ทั้งนี้เพื่อให้ประชาคมโลกได้ทราบว่าเราได้ทำทุกมาตรการ ไม่ได้บังคับใช้กฎหมายแต่เพียงอย่างเดียว ซึ่งฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรงบางกลุ่มอาจไม่เห็นด้วย จึงสร้างสถานการณ์ความรุนแรงเกิดขึ้น อยากให้ประชาชนและสังคมได้เข้าใจมาตรการการแก้ไขปัญหาของรัฐทั้งภายในประเทศและต่างประเทศด้วย ซึ่งที่ผ่านมา องค์การควาร่วมมืออิสลาม(OIC) ก็ให้การสนับสนุนแนวทางของไทยมาโดยต่อเนื่อง สำหรับนักสิทธิมนุษยชนและกลุ่ม NGO ต่าง ๆ ขอให้เข้าใจและดูแลทั้งประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐด้วย โดยรัฐบาลและ คสช. ขอส่งกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ และขอให้พี่น้องประชาชนมีความสุข ปลอดภัยทุกคน



ด้านพล.อ.วัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึงสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ หลังจากมีกระแสข่าวว่าสาเหตุการก่อเหตุในช่วงหลัง ส่วนหนึ่งมาจากกระบวนการพูดคุยสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า เราต้องตรวจสอบว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร เพราะการก่อเหตุอาจจะมาจากหลายปัจจัย ทั้งกรณีที่ภาครัฐกดดัน หรือการแสดงขีดความสามารถของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับกระบวนการพูดคุยหรือไม่นั้น ต้องดูอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกันนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เน้นย้ำให้เฝ้าระวังและมีมาตรการที่เข้มงวดเพื่อดูแลประชาชน ส่วนผู้ก่อเหตุก็เน้นย้ำจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

เมื่อถามว่า จากนี้ต้องระวังเป้าหมายที่อ่อนแอเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.วัลลภ กล่าวว่า แต่เดิมผู้ก่อเหตุดำเนินการกับเป้าหมายไม่อ่อนแอ เช่น เจ้าหน้าที่รัฐ ทหาร แต่ปัจจุบัน 4 - 5เหตุการณ์หลัง ผู้ก่อเหตุเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เป้าหมายมาที่ผู้อ่อนแอ ภาครัฐจึงต้องไปเข้มงวดมาตรการให้มากขึ้น  และเรื่องดังกล่าวเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวนอยู่และคงจะติดตามจับกุมคนร้ายให้ได้โดยเร็ว.