ข่าวมาแล้วก็ไป!'บิ๊กป้อม'ชิ่งขึ้นรถงดให้สัมภาษณ์สื่อฯ - kachon.com

มาแล้วก็ไป!'บิ๊กป้อม'ชิ่งขึ้นรถงดให้สัมภาษณ์สื่อฯ
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 21 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานสักขีพยานการลงนามระหว่างหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในบันทึกความเข้าใจ เรื่อง การกำหนดมาตรการและแนวทางแทนการกักตัวเด็กไว้ในสถานกักตัวต่างด้าวเพื่อรอส่งตัวกลับ พ.ศ. ... ระหว่างหัวหน้าส่วนราชการ 7หน่วยงาน ได้แก่ สํานักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงศึกษาธิการ และ กระทรวงแรงงาน โดยมีผู้แทนสถานทูต ผู้แทนเหล่าทัพ ฯ ผู้แทนหน่วยงานราชการเข้าร่วมด้วย โดยวัตถุประสงค์ของร่างบันทึกความเข้าใจดังกล่าว เพื่อกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบและแนวทางปฏิบัติงานของ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพในการดูแลและไม่กักตัวเด็กในห้องกักตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งถือเป็นความพยายามและความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทยในการช่วยเหลือและปกป้องคุ้มครองเด็ก โดยคำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดของเด็ก

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ทุกคนมั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะดำเนินการตามมาตรการและแนวทางปกป้องคุ้มครองเด็กที่ถูกกักตัว ซึ่งสอดคล้องกับพันธกรณีระหว่างประเทศ และตนมั่นใจว่าทุกคนรับทราบถึงความพยายามที่รัฐบาลไทยให้การช่วยเหลือและปกป้องคุ้มครองเด็กที่ถูกกักกันไว้ในสถานกักตัวต่างด้าว เพื่อรอการส่งกลับ โดยยึดหลักการสำคัญคือการไม่กักตัวตัวเด็กในห้องกักตรวจคนเข้าเมืองและคำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน ทั้งนี้ การลงนามดังกล่าวจะถือเป็นแนวทางปฎิบัติร่วมกันของหน่วยงานภาครัฐที่จะช่วยแก้ไขปัญหาการกักตัวเด็ก สถานกักตัวคนต่างด้าวเพื่อรอการส่งกลับ โดยกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละหน่วยงานไว้อย่างชัดเจน จึงขอให้ทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องยึดถือปฎิบัติหากมีอุปสรรค ข้อขัดข้อง หรือข้อจำกัดในการปฎิบัติงานขอให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)เป็นหน่วยงานกลางในการอำนวยการและประสานเพื่อให้การดำเนินงานลุล่วงอย่างมีประสิทธิภาพ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังเป็นประธานลงนามในบันทึกความเข้าใจ ได้พยายามสอบถามถึงการสั่งการดูแลความสงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พล.อ.ประวิตร ปฎิเสธตอบคำถามและขึ้นรถกลับออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที.