จับแล้วขบวนการลอบล่าเสือโคร่งข้ามชาติ
การเมือง
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ (สบอ.) 11 (พิษณุโลก) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เหตุดังกล่าวเป็นกรณีที่เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนต.ค. 2561 โดยตำรวจสภ.เมือง จ.พิษณุโลก จับกุมชาวเวียดนาม 2 คน ขณะลักลอบขนซากเสือโคร่งขึ้นรถทัวร์จาก จ.ตาก เดินทางไปที่ จ.หนองคาย เพื่อข้ามฝั่งไปลาวกลับประเทศบ้านเกิด ซึ่งขณะนี้มีการดำเนินคดีและจับกุมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นายนิพนธ์ กล่าวต่อว่า จากการจับกุมดังกล่าว พบซากเสือโคร่งเพศผู้ อายุประมาณ 15-20 ปี ยาว 3 เมตร น้ำหนักมากถึง 200 กก. ซึ่งเป็นซากเสือโคร่งที่สมบูรณ์มาก มีการชำแหละแยกชิ้น เนื้อนำไปย่างรมควัน ซากเสือโคร่ง 1 ตัว หากส่งออกไปต่างประเทศได้จะมีมูลค่ามากกว่า 2-3 ล้านบาท ซึ่งยังมีความเชื่อว่าบางชิ้นส่วนของเสือโคร่งนำไปบดยาเพื่อเป็นยาบำรุงกำลังหรือยาอายุวัฒนะ ซึ่งขบวนการเหล่านี้ยังคงมองหาลู่ทางในการลักลอบสัตว์ป่าในพื้นที่ป่าของไทย ซึ่งกรมอุทยานฯ ได้ร่วมกับทางตำรวจ ทหาร ในการป้องกันการลักลอบค้าสัตว์ป่า และขยายผลการจับกุมสืบหาถึงกลุ่มนายทุนต่อไป
ด้านนายสมศักดิ์ ภูเพ็ชร์ ผอ.ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม กรมอุทยานแห่งชาติฯ เผยว่า เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ทางตำรวจภูธรภาค 1 ได้มีการแถลงการจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายลักลอบค้าซากสัตว์ป่าข้ามชาติ 4 ราย เป็นชาวไทย 2 คน เวียดนาม 1 คน และลาว 1 คน ซึ่งขบวนการลักลอบค้าสัตว์ป่าเป็นขบวนการใหญ่ที่ล้วนเกี่ยวเนื่องด้วยกันทั้งสิ้น อย่างคดีจับซากเสือโคร่งเมื่อเดือน ต.ค. 61 ก็เป็นขบวนการเดียวกันกับผู้ต้องการทั้ง 4 รายนี้ โดยการจับกุมแต่ละครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้สืบขยายผลสืบหานายทุน โดยส่วนใหญ่จะสืบหาจากแหล่งบัญชีของผู้ต้องหาว่าได้รับเงิน หรือมีการสั่งการมาจากใคร
นายสมศักดิ์ กล่าวต่อว่า เครือข่ายลักลอบค้าซากสัตว์ป่าข้ามชาติ มีทั้งคนไทยที่เป็นผู้ชี้ทาง หาที่พักพิงให้คนในประเทศเพื่อนบ้านมาหลบอาศัย ซึ่งการจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย ถือเป็นเครือข่ายที่ใหญ่มาก พบซากสัตว์ส่วนของเล็บหมี 1,666 ชิ้น คาดว่าเป็นชิ้นส่วนของหมีควาย รวมแล้วไม่น้อยกว่า 84 ตัว และยังพบกะโหลกเสือไม่ทราบพันธุ์และอายุอีกด้วย ทั้งนี้ของกลางดังกล่าวเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ที่มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 8 ล้านบาท
ผอ.ส่วนยุทธการด้านป้องกันและปราบปราม กล่าวต่อว่า จากสถิติคดีเกี่ยวกับพ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ของกรมอุทยานฯ ในปีงบประมาณ 2561 ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 60 – 30ก.ย. 61 มีคดีเกี่ยวกับสัตว์ป่ารวม 565 คดี สัตว์ป่าและซากสัตว์ป่าที่ตรวจยึดได้ โดยยึดสัตว์ป่าที่มีชีวิตอยู่ได้ 7,318 ตัว เป็นซากสัตว์ป่า 1,521 ซาก ซึ่งหากเปรียบเทียบกับปีงบประมาณ 2560 ถือว่ามียอดสถิติที่สูงกว่าเดิม สะท้อนให้เห็นว่าตลาดมืดยังมีความต้องการลักลอบค้าสัตว์ป่าอยู่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมบูรณาการสืบสวนขยายผลติดตามผู้ร่วมขบวนการต่อไป.