'อุตตม'ชู'สมคิด'ขึ้นบัญชีนายกฯ เผย4รมต.ไขก็อกม.ค.นี้
การเมือง
ขณะเดียวกันบริเวณชั้น 1 ของพรรคพลังประชารัฐเจ้าหน้าที่ยังนำประกาศของพรรค เรื่อง การเสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจะเสนอให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ข้อความว่า ด้วยพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งส.ส.เป็นการทั่วไปมีผลบังคับใช้แล้ว จึงขอเชิญชวนการบริหารพรรค กรรมการสาขาพรรคการเมือง ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกพรรคการเมือง เสนอชื่อบุคคลที่เห็นสมควรจะเสนอให้ได้รับการพิจารณาแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีต่อกรรมการบริหารพรรคภายในวันที่ 28 ม.ค.นี้มาแปะไว้ด้วย
โดยนายอุตตม ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเสนอชื่อบุคคลให้เป็นนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรค ว่า ขณะนี้เราได้รับทราบกำหนดวันเลือกตั้ง และวันรับสมัครชัดเจนแล้ว ในห้วงเวลานี้ สิ่งที่พรรค พปชร.กำลังทำคือ พิจารณาผู้สมัคร ส.ส. 350 เขต และพิจารณาผู้ที่เหมาะสมเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรค ที่จะต้องทำให้เสร็จภายในสัปดาห์หน้า ส่วนกรณี 4 รัฐมนตรีจะลาออกเมื่อใดนั้น ขอตอบอย่างเดิมคือ ถึงเวลาที่เหมาะสมก็จะลาออก อีกไม่นานจะได้ฟังพร้อมๆ กัน ยืนยันว่ากระบวนการทั้งหมดจะสิ้นเสร็จก่อนวันที่ 4- 8 ก.พ.นี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการทาบทาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือยัง นายอุตตม กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีการทาบทามใครทั้งนั้น แต่กระบวนการหารือภายในพรรคได้เริ่มขึ้นแล้ว จะไปสู่จุดที่ชัดเจนและได้ข้อยุติภายในเร็วๆ เมื่อถามว่า พรรค พปชร.ชูเรื่องก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่หากเสนอชื่อของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่สังคมมองว่าเป็นคู่ขัดแย้งมาก่อนจะตอบตรงนี้อย่างไร นายอุตตม กล่าวว่า ยังไม่พูดถึงตรงนั้น ยังไม่ไปวิจารณ์ เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จะตกเป็นเป้าว่าเป็นการสืบทอดอำนาจ คสช. หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้มีการทาบทามเลย แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการสืบทอดอำนาจแน่นอน ไม่มีใครออกมายืนสั่งการ จะเห็นว่า ในพรรค พปชร.ไม่มีใครติดยศ และเมื่อเห็นหน้าผู้สมัคร ส.ส. 350 เขต จะยิ่งเห็นว่าไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ
เมื่อถามว่า เมื่อพรรคชูนโยบายเรื่องปากท้อง มีการพูดคุยหรือไม่ที่จะเสนอชื่อนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็น 1 ใน 3 บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีด้วย นายอุตตม กล่าวว่า ในขั้นตอนมีอยู่ แต่ต้องให้เกียรติทุกคนด้วย เพราะขณะนี้เรายังไม่ได้ทาบทามใคร เมื่อถามว่า หากพรรคเสนอชื่อผู้จะเป็นนายกรัฐมนตรีจะมีเฮหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า “เฮ...ทั้งประเทศ รับรองเฮด้วยความพอใจแน่นอน”.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเปิดกรอบแนวนโยบายของพรรคได้ฉายวิดิทัศน์ที่มีเนื้อหาเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองจนนำไปสู่ความขัดแย้งก่อนเข้าสู่เนื้อหาการแถลงข่าว จากนั้นนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า เราอาสาพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่แบ่งสีแบ่งฝ่าย จะเป็นประชาธิปไตยเป็นของทุกฝ่าย ไม่ใช่ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเท่านั้น เป็นของคนไทยอย่างแท้จริง จากนี้สังคมไทยต้องเป็นสังคมสงบสุขอย่างแท้จริง พปชร.ให้ความมั่นใจได้ว่าเรามีความพร้อมเต็มที่ ทั้งบุคลากรที่เป็นตัวจริงเสียงจริง มาจากหลายฝ่าย หลายเหล่า หลายภาคส่วน คนเดิมที่เพียบด้วยประสบการณ์ และคนรุ่นใหม่ไฟแรงที่เต็มไปด้วยความคิด นอกจากนี้เรายังเพียบด้วยนโยบาย โดยพรรค พปชร. เปิด 7-7-7 นโยบาย ซึ่งตั้งอยู่บน 3 พันธกิจหลัก คือ 7 สวัสดิการประชารัฐ 7 สังคมประชารัฐ และ 7 เศรษฐกิจประชารัฐ
ด้านนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวว่า นโยบายของเราไม่ใช่เอาของเก่ามาขาย แต่นโยบายต้องตอบโจทย์ประชาชน ประเทศไทย และต้องเป็นนโยบายที่ทำให้ประเทศมีศักดิ์ศรีในเวทีโลก สำหรับ 7 สวัสดิการประชารัฐ อาทิ การต่อยอดบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ขยายผลมาเป็นบัตรประชารัฐ เพื่อขยายไปสู่คนรายได้น้อย ซึ่งมี 4 กลุ่มเป้าหมายสำคัญที่มีภาระหนักอึ้งคือ คนสูงวัย ผู้พิการ สตรี และผู้ใช้แรงงาน นอกจากนี้ ยังมี 4-5 กลุ่ม ที่จะเน้นเป็นพิเศษในการปลดหนี้คือ แรงงาน ชาวนา ข้าราชการ รัฐวิสาหกิจ นักศึกษา ครู โดยจะปลดหนี้ผู้ใช้แรงงานและชาวนาภายใน 5 ปี ขณะเดียวกัน ยังมีนโยบายบ้านล้านหลัง บ้านสุขใจวัยเกษียณ สิทธิ์ที่ดินทำกิน ส่วนหลักประกันสังคมถ้วนหน้าประชารัฐ อาทิ หลักประกันการศึกษาถ้วนหน้าตั้งแต่เด็กไปยันวัยทำงานรวมถึงหลักประกันรายได้ จุดขายสำคัญของ พปชร. เพื่อตอบโจทย์ขจัดความเหลื่อมล้ำแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในเรื่องสุขภาพ เราจะทำเรื่องหมอถึงบ้าน พยาบาลถึงเรือน ประชาชนทุกคนมีหมอประจำตัว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ในส่วนสังคมประชารัฐ เด็กเล็กจะมีศูนย์พัฒนา ซึ่งบัตรประชารัฐจะเริ่มที่นี่ ขณะเดียวกัน พรรค พปชร.เชื่อว่าสังคมประชาธิปไตยจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อ 1.กระจายอำนาจ 2.กระจายโอกาส 3.กระจายความเจริญสู่ภูมิภาค เช่น โครงการอีอีซี ที่เราทดสอบในรัฐบาลชุดนี้ และจะกระจายศูนย์กลางความเจริญสู่ภูมิภาค เช่น อีอีซี, อีสาน 4.0, ล้านนา, 4.0 และด้ามขวาน 4.0 รวมไปถึงสร้างเมืองน่าอยู่, สังคมประชารัฐสีขาว ปลอดโลก ปลอดภัย ปลอดยา ปลอดฝุ่น ปลอดควัน ตลอดจน Bangkok 5.0 ด้านเศรษฐกิจประชารัฐ โจทย์ใหญ่คือสร้างความสามารถของคน สร้างกองทัพสตาร์ทอัพให้เพิ่มขึ้น โดยตั้งเป้า 5 ล้าน สมาร์ทเอสเอ็มอี 1 ล้าน สมาร์ทฟาร์มเมอร์ 1 ล้านสตาร์ทอัพ 1 ล้าน เมกเกอร์ และ 1 ล้านร้านค้าปลีกชุมชน ที่จะทำอย่างไรให้เป็นโชห่วย 4.0
ผู้สื่อข่าวถามว่า นโยบายของพรรค พปชร.ถือเป็นการต่อยอดของรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า เราทำสิ่งที่ดีที่สุดให้ประชาชน สิ่งไหนที่ดีเราต่อยอด สิ่งใหม่เรามีแน่นอน โดยเอาประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง และบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเราต่อยอดแน่นอนถ้าเลือกเราร่วมรัฐบาล จะทำสิ่งเหล่านี้ให้ดีขึ้นต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นบัตรสวัสดิการ เกษตร ที่ทำกิน ที่จะต้องมาจัดหากัน ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนไทย เมื่อถามว่า มีการคำนึงถึงเม็ดเงินที่ใช้ในนโยบายสวัสดิการต่างๆ หรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า กกต.พูดชัดเจนว่าทุกนโยบายต้องพิจารณาเรื่องนี้ และยืนยันว่าเราทำได้จริง ไม่ขายฝัน ด้วยมาตรการที่ยั่งยืน.