ข่าวแจง2ร.ร.เอกชนสั่งปิดแค่หนีฝุ่นจิ๋ว ย้ำยังไม่มีใครป่วย - kachon.com

แจง2ร.ร.เอกชนสั่งปิดแค่หนีฝุ่นจิ๋ว ย้ำยังไม่มีใครป่วย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเปิดเผยว่า จากการการตรวจสอบกรณีมีรายงานข่าวว่ามีโรงเรียนหยุดเรียน เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ข้อเท็จจริงไม่พบว่ามีเด็กนักเรียนป่วยจากการได้รับผลกระทบเฉียบพลันจากฝุ่นพีเอ็ม 2.5 แต่อย่างใด แต่สาเหตุเนื่องจากผู้บริหารโรงเรียนเอกชนทั้ง 2 แห่งได้ใช้ดุลพินิจในการปิดการเรียนชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23-25 ม.ค.เพื่อป้องกันการเกิดผลกระทบกับกลุ่มเสี่ยงที่เป็นเด็กเล็ก โดยมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลไปให้ความรู้ในการปฏิบัติตนแล้ว  

ส่วนโรงเรียนสาธิตจุฬาฯ นั้นปิดโรงเรียน เนื่องจากพบเด็กนักเรียนป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่หลายราย ซึ่งหน่วยงานด้านสาธารณสุขได้ลงพื้นที่และวางแผนร่วมกันกับทางผู้บริหารในการประกาศปิดโรงเรียน ตั้งแต่วันที่ 23-25 ม.ค. และจะร่วมกันทำความสะอาดโรงเรียนต่อไป ทั้งทั้งนี้การปิดโรงเรียนจากโรคติดต่อนั้นมีการกำหนดมาตรการไว้ เช่นปิดห้องเรียน ปิดชั้นเรียน หรือปิดทั้งโรงเรียน ส่วนสาเหตุจากฝุ่นพีเอ็ม 2.5 นั้นแล้วแต่ดุลพินิจของแต่ละโรงที่จะประเมินความเสี่ยง 

อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า ช่วงนี้สภาพอากาศเริ่มกลับมาหนาวเย็นอีกจึงขอให้ประชาชนระวังโรคระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ และยิ่งกลุ่มเสี่ยงคือเด็กเล็กในโรงเรียนซึ่งอยู่รวมกันจำนวนมาก แล้วโรคนี้ก็ติดต่อกันง่ายจากการไอ จามรดกัน หากป่วยจะมีอาการคล้ายไข้หวัด แต่จะปวดกล้ามเนื้อมาก ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย แต่สามารถหายเองได้ใน 5-7 วัน แต่กลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัว อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดบวม หายใจลำบาก และอาจเสียชีวิตได้ ดังนั้นหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 48 ชั่วโมงควรพบแพทย์ทันที 

ส่วนวิธีป้องกันให้ยึดหลัก “ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด” คือปิดปากและปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้หน้ากากอนามัย ผ้า หรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ เมื่อสัมผัสสิ่งของ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย  และหยุดเรียน หยุดงานเมื่อป่วยแม้จะมีอาการไม่มาก โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด หากสงสัย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422

ด้าน พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ  ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า ตามที่มีการให้ข้อมูลคนที่ฉีดโบท็อก ฟิลเล่อร์ จะมีปฏิกิรยาที่ไวต่อฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ทำให้เกิดการคันมาก หากเกามากๆ โดยเฉพาะในคนที่ฉีดฟิลเล่อร์ในช่วงแรกๆ อาจจะทำให้เกิดใบหน้าเบี้ยวได้ ซึ่งขอย้ำว่าทางสถาบันโรคผิวหนังเคยมีผู้ป่วยเข้ามารับการปรึกษา 3 ราย เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยพบว่าผู้ป่วยไปฉีดฟิลเลอร์เสริมคางจากคลินิกเอกชน แต่คางเบี้ยวเพราะคันและเกาบริเวณที่เพิ่งฉีด ทั้งที่แพทย์จะแนะนำอยู่แล้วว่าในช่วง 2 สัปดาห์หลังฉีดไม่ควรไปสัมผัสตำแหน่งนั้นเด็ดขาด ยิ่งปัจจุบันมีคนฉีดฟิลเล่อร์เยอะจึงออกมาเตือนให้ทุกคนระมัดระวังตัว ไม่อยากให้ต้องมาเสียเงินแก้ไข โดยเฉพาะสาเหตุจากการสัมผัสฝุ่นพีเอ็ม 2.5