ชพน.จ่อเปิดนโยบายชูเศรษฐกิจ รากหญ้าเท่าเทียม31ม.ค.นี้
การเมือง
นายสุวจน์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พรรคจะมีการเปิดตัวผู้สรรค ส.ส.ทั้งประเทศ ซึ่งถ้าคิดว่าแค่ส่งให้ครบ 350 เขตคงไม่ใช่เรื่องยาก แต่พรรคต้องดูคุณภาพของคน และความเหมาะสม เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนคาดหวังสูงกับคุณภาพการเมือง ไม่อยากเห็นการเมืองแบบเก่า พรรคจึงต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพของคน และนโยบาย ต้องทำในสิ่งที่ประชาชนคาดหวัง ซึ่งจากการลงพื้นที่จะพบว่าประชาชนฝาก 2 เรื่อง คือเรื่องเศรษฐกิจ และหยุดความขัดแย้ง ทั้งนี้ล่าสุดทราบว่าน่าจะวางตัวประมาณ 300 เขต แต่ตัวเลขยังไม่แน่นอน และยังไม่สามารถคาดหวังว่าจะได้รับเงือกตั้งเท่าไหร่ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้คาดการณ์ได้ยาก เพราะ 1. ประเทศไทยไม่มีการเลือกตั้งมานาน 7 ปีแล้ว 2. คนรุ่นใหม่เพิ่มกว่า 7-8 ล้านคน จะมีพฤติกรรมและวิธีคิดทางการเมืองที่คาดการณ์ยาก 3.การเข้าถึงข้อมูลข่าวสารการเมืองทั่วถึง 4.ความบอบช้ำของประเทศจากปัญหาที่ผ่านมา และ 5.ปัญหาทางเศรษฐกิจ
“ผมว่าทุกอย่างเป็นตัวแปรหมด โดยเฉพาะกติกาการเลือกตั้ง ระบบบัตรเดียว และการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค พูดตรงๆ ว่าผมอยู่ในแวดวงการเมืองมานาน แต่ครั้งนี้วิเคราะห์ยากมากว่าจะได้รับการรับเลือกเท่าไหร่ ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือการเตรียมความพร้อมของเราให้ดีที่สุด เหมือนนักกีฬา แพ้ชนะไม่รู้ แต่ต้องฟิตซอม อยู่ในวินัย” นายสุวัจน์ กล่าว
เมื่อถามถึงการเสนอชื่อว่าที่นายกฯ ของพรรค นายสุวัจน์ กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ ตอนนี้เร่งเรื่องผู้สมัครก่อน เพราะไม่ใช่จะเสนอชื่อใครก็ได้ แต่มีกระบวนการคล้ายไพรมารีโหวต การจะเสนอใครเป็นนายกฯ นั้นเป็นเรื่องสุดท้าย ส่วนจะร่วมกับพรรคการเมืองใดในการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น ยังไม่ได้คิดเรื่องนี้ เพราะพรรคชาติพัฒนาพยายามทำตัวให้พร้อมที่สุด คิดว่าการเมืองวันนี้มีความขัดแย้งเยอะ จึงพยายามยืนอยู่ในจุดที่ไม่มีปัญหา เพราะพี่น้องประชาชนไม่อยากให้มีปัญหาความขัดแย้งหลังเลือกตั้ง เราจึงอยู่ในจุดตรงกลาง ไม่ไปสร้างเงื่อนไขทางการเมือง หากมีเงื่อนไขกันเยอะอาจจะทำให้เกิดเดทล็อคทางการเมืองได้ ดังนั้นลืมอดีตกันเถอะ และช่วงนี้เป็นกลาง เลือกตั้งให้ถูกต้อง เรียบร้อย ให้เกิดการยอมรับ พอตัวเลขอะไรออกมาชัด โครงสร้างทางการเมืองก็คงต้องสอดคล้องกัน จุดยืนพรรคชาติพัฒนาบอกไปแล้วว่าจะทำตามที่ประชาชนเรียกร้องคือยุติความขัดแย้ง หากจะคิดอะไรก็อยู่บนจุดนี้
เมื่อถามว่าพลังประชารัฐจุดยืนชัดเจนว่าไม่เอาความขัดแย้ง ดังนั้นถือเป็นจุดยืนเดียวกันหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า นั่นก็เป็นจุดยืนของพลังประชารัฐ อาจจะเป็นจุดยืนที่มองเห็นปัญหาของประเทศเหมือนกัน การที่พรรคการเมืองบอกว่าจะช่วยกันลดความขัดแย้งเป็นเรื่องที่ดี แต่โครงสร้างรัฐบาลจะเป็นอย่างไรทุกอย่างขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง ส่วนจุดยืนที่ตรงกันจะทำให้การตัดสินใจง่ายขึ้นหรือไม่นั้นตนบอกไปแล้วว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะบอกว่าจะไปร่วมอะไรกับใคร เพราะเป็นเรื่องของการเลือกตั้งที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กี่คน ถ้าหลังการเลือกตั้งแล้วถึงเวลาตัดสินใจก็ต้องตัดสินใจ แต่ก็จะตัดสินใจในสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคืออย่าทะเลาะ อย่าขัดแย้ง และจะมีรัฐบาลที่สามารถเข้าไปแก้ไขเศรษฐกิจของประชาชนได้.