ข่าวนักการเมืองชม4รมต.ลาออก สร้างบรรทัดฐานเวทีการเมือง - kachon.com

นักการเมืองชม4รมต.ลาออก สร้างบรรทัดฐานเวทีการเมือง
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 29 ม.ค. ที่จ.สมุทรสาคร  นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐ 4 คน ประกาศลาออกจากตำแหน่ง  ว่าถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ทุกฝ่ายเกิดความมั่นใจในการปฏิบัติหน้าที่มากขึ้น เนื่องจาก ที่ผ่านมามีข้อกังขาระหว่างการใช้อำนาจรัฐกับการมีตำแหน่งอยู่ในพรรคการเมืองมาตลอด ซึ่งการลาออกถือเป็นการแสดงออกว่าเพื่อไม่ให้เกิดปัญหากับการใช้อำนาจหน้าที่ ไปในทางที่อาจทำให้การเลือกตั้งเกิดความไม่เป็นธรรม  เมื่อถามถึงการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีในส่วนของพรรคพลังประชารัฐที่จะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของพรรคอื่น และเป็นเรื่องของพล.อ.ประยุทธ์ที่จะตัดสินใจ จึงไม่สามารถก้าวก่ายการตัดสินใจในแต่ละพรรคได้ และพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะยินยอมให้เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดว่า การเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อต้องได้รับความยินยอมด้วย แล้วพล.อ.ประยุทธ์ จะยินยอมหรือไม่ ตนไม่สามารถตอบได้ เพราะขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะ ยินยอมให้เสนอชื่อหรือไม่

ส่วนเสียงเรียกร้องจากบางฝ่ายที่ให้พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธการถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะพิจารณา หาก พล.อ.ประยุทธ์ ประสงค์จะเข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง ต้องแสดงออกว่าจะดำรงตำแหน่งอย่างไรไม่ให้มีการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม เช่น ในฐานะหัวหน้า คสช. ซึ่งที่ผ่านมาเคยใช้อำนาจปลดกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และการอนุญาตให้แบ่งเขตเลือกตั้งโดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย ดังนั้น หากประสงค์จะเข้าสู่การเลือกตั้ง ต้องทำให้ทุกฝ่ายมั่นใจว่าจะไม่มีการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม รวมถึงต้องยอมรับกติกา วัฒนธรรมประชาธิปไตย ที่ต้องมีการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ส่วนพล.อ.ประยุทธ์จะต้องลาออกจากหัวหน้า คสช.หรือไม่นั้น อยู่ที่ดุลพินิจของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งในการแข่งขันทางการเมืองอยากให้มีการแข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์จะเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว ว่า  การทำรายชื่อบุคคลที่เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคนั้น อยู่ในขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นจากตัวแทนจังหวัดและหัวหน้าสาขา ซึ่งตามข้อบังคับพรรคผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯต้องได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมร่วมระหว่าง คณะกรรมการบริหารพรรคและอดีต ส.ส. ในวันที่ 1 ก.พ. นี้ส่วนจะมีรายชื่อสำรองหรือไม่นั้น อยู่ที่การรับฟังความคิดเห็น ซึ่งคณะกรรมการบริหารพรรคจะต้องมีการพิจารณาอนุมัติต่อไป  อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกคณะกรรมการบริหารพรรคอนุมัติผู้สมัครส.ส.ครบแล้วทั้งระบบเขต และบัญชีรายชื่อ ซึ่งในส่วนของบัญชีรายชื่อ อยู่ระหว่างการจัดลำดับรายชื่อ

นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 31 ม.ค. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจในการรณรงค์ การหาเสียงเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ และตน จะลงพื้นที่ปราศรัยในจ. พิษณุโลกกับพี่น้องประชาชนอ.เนินมะปราง เขต 3 ของนายอนุชา น้อยวงศ์ ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต 3 และอ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก ของนายพัฒนปกรณ์ ดอนตุ้มไพร ว่าที่ผู้สมัครส.ส.เขต2 โดยคาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมฟังการปราศรัยกว่า5,000คน จากนั้นในวันที่ 1 ก.พ.จะไปปราศรัยในเขต 2 อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย ของนายชูศักดิ์ คีรีมาศทอง ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรคด้วย

นายธนกร กล่าวอีกว่า จากการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างมาก เพราะนโยบายตอบโจทย์ประชาชนได้โดยเฉพาะการทำสวัสดิการเต็มรูปแบบทุกด้านที่ต่อยอดมาจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ สำหรับกรณีที่ 4 รัฐมนตรีของพรรคลาออกนั้นเป็นไปตามเวลาที่เหมาะสมแล้ว และเป็นบรรทัดฐานทางการเมืองที่ไม่เคยมีใครทำในอดีต โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ออกมาเรียกร้องให้ลาออกก็ยังไม่เคยทำ ดังนั้น ต้องขอชื่นชม 4 รัฐมนตรี อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีที่มีทหารติดตามนักการเมืองหาเสียงนั้นเป็นเรื่องปกติที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกับทหารจะต้องไปดูแลความปลอดภัย ดูแลความสงบเรียบร้อยให้นักการเมือง ซึ่งไม่ได้ไปคุกคามอะไรเลย อย่าไปเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อหวังผลทางการเมืองเลย ขอให้เห็นใจเจ้าหน้าที่ที่ต้องมาปฏิบัติหน้าที่ด้วย ซึ่งตนไปปราศรัยหาเสียงทุกที่ก็เจอตำรวจทหารตลอด เป็นเรื่องปกติเหมือนกัน

น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณีที่ 4 รัฐมนตรี ซึ่งเป็นแกนนำของพรรคพลังประชารัฐ ลาออกจากตำแหน่งทางบริหารเพื่อลงสนามการเมือง ว่า  ส่วนตัวเชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อภาพลักษณ์ส่วนบุคคล และภาพลักษณ์ที่ดีของพรรคพลังประชารัฐต่อการเลือกตั้ง ส่วนกรณีดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อพรรคชาติไทยพัฒนา เนื่องจากพรรคชาติไทยพัฒนาเองได้เตรียมความพร้อมไว้ตั้งแต่ก่อนที่พ.ร.ฎ.จะประกาศจะมีผลบังคับใช้แล้ว 

น.ส.กัญจนา  กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เตรียมตอบรับคำเชิญจากพรรคการเมืองเพื่อลงในบัญชีนายกฯ ที่พรรคสนับสนุน ว่า ล่าสุดพล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่มีท่าทีตอบรับหรือปฏิเสธ ดังนั้นต้องรอฟังการตัดสินใจอีกครั้ง ส่วนกรณีที่ตอบรับแล้วจะต้องลาออกจากตำแหน่งนายกฯ เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการเมืองหรือไม่ ตนไม่ขอก้าวก่ายการใช้ดุลยพินิจ

"สำหรับการส่งบัญชีรายชื่อบุคคลที่พรรคชาติไทยพัฒนาจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ จะไม่นำไปเทียบกับบัญชีนายกฯ ของพรรคการเมืองอื่น เพราะแต่ละพรรคมีบุคลิกของตนเอง และคนที่พรรคจะเสนอชื่อให้เป็นแคนนิเดตนายกฯ ถือว่าเป็นบุคคลที่ภาคภูมิใจ" น.ส.กัญจนา กล่าว

ด้านนายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะทำงานด้านนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวด้วยว่าในวันที่ 30 ม.ค.นี้ หลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อสรุปรายชื่อผู้สมัคร ส.ส. พรรคจะประกาศรายชื่อผู้สมัครส.ส. ทั้ง 350 เขตของพรรคได้ ​​รวมถึงรายชื่อบุคคลที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งด้วย.

นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงกรณี 4 รมว.ลาออกวันนี้ ว่า ตนขอแสดงความชื่นชม 4 รมว.ที่ลาออก แม้จะช้าไปหน่อย อันที่จริงควรลาออกตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งในพรรคการเมืองแล้ว ทั้งนี้ก็จะเหลือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เพียงคนเดียว ที่รอลุ้นว่าจะทำการแสดงสปิริต ลาออกเมื่อใด หากพล.อ.ประยุทธ์ ทราบดีในใจตัวเองว่า ต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป หรือจะเป็นหนึ่งในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ หรืออยู่ในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีทางเลือกอื่นใดแล้ว ด้วย 4 รมว.นำร่องลาออกไปก่อนแล้ว ด้วยความหวังดี ตนจึงแนะนำให้พล.อ.ประยุทธ์ เร่งลาออกจากทุกตำแหน่งโดยเร็ว เพื่อสร้างวัฒนธรรมทางการเมืองที่ดี เป็นแบบอย่างให้กับคนรุ่นใหม่ ได้แสดงออกถึงความมีสปิริต ไม่เอาเปรียบคู่แข่งขันในสนามเลือกตั้ง เพื่อเข้าสู่สนามการเมืองอย่างสวยงาม และพร้อมจะเข้าสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไปด้วยความสง่างาม.