'บิ๊กตู่'เปลี่ยนฟีลเดินชิลแวะจิบกาแฟ ลั่นไม่กลัวเป็นเป้าการเมือง
การเมือง
โดยนายกฯ ได้สั่งกาแฟอเมริกาโน่ร้อน และชา London Strand Earl Grey พร้อมของว่างบลูเบอร์รี่มัฟฟิน สโคนเซต และทไวน์นิ่งซิกเนเจอร์ ซึ่งเป็นถือเป็นแรกตั้งแต่ที่พล.อ.ประยุทธ์รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่ใช้เวลานอกกำหนดการเพื่อผ่อนคลายอิริยาบถ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่พล.อ.ประยุทธ์ถูกจับตามองที่จะตอบรับเป็นนายกฯ ในบัญชีพรรคหรือไม่ ซึ่งการมานั่งดื่มกาแฟครั้งนี้อาจจะเป็นการปรับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์จากที่ดูดุดันให้เข้าถึงง่ายขึ้นดูเป็นกันเองหรือไม่
ทั้งนี้พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเป็นแม่ทัพก็ไม่เคยมานั่งอะไรแบบนี้ เพราะไปไหนลำบาก รปภ.ที่ตามไปด้วยก็เยอะแยะ ซึ่งวันหยุดก็ไม่ได้พาครอบครัวไปเที่ยวไหน ทุกวันนี้เลิกงานตนก็กลับบ้าน มีไปตีกอล์ฟบ้าง ทั้งนี้ตนชอบทานของหวานเพราะทานข้าวไม่ค่อยได้ พอทานของหวานแล้วก็รู้สึกดีขึ้น
นายกฯ กล่าวว่า ส่วนในประเด็นการเมืองนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆที่ออกมาก็ไม่พ้นสิ่งที่รัฐบาลได้ทำไปแล้ว แต่เขาจะทำให้มากขึ้นใช้เงินให้มากขึ้นจากจะให้ 600 บาทให้ 800 บาทจะเอาเงินที่ไหนมาให้ ส่วนนโยบายประชารัฐของรัฐบาล ซึ่งไปพ้องกับชื่อของพรรคการเมือง พรรคดังกล่าวมาที่หลังรัฐบาลไม่ใช่หรือ ตนขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวกัน การทำงานในนโยบายของประชารัฐทำกันมานานแล้ว ทางนักการเมืองก็ไปหาชื่อให้มันสอดคล้อง อย่างพรรคทษช. (ไทยรักษาชาติ ) สื่อก็รู้ว่าตั้งมาอย่างไร แล้วตัวย่อมาจากอะไร อย่างไรก็ตามในเมื่อพรรคการเมืองทุกพรรคต้องการที่จะเป็นรัฐบาล ต้องการบริหารราชการแผ่นดิน ทุกคนก็ต้องดูว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง ทำไมจะต้องเลิกของเก่ากันหมดเลยหรือ อะไรที่ดีก็ต้องทำต่อ ไม่ใช่ว่าอะไรที่เกิดในรัฐบาลก่อนต้องเลิกหมดมันไม่ใช่
เมื่อถามว่า เหตุใดนายกฯ ถึงพูดว่ามีคนไม่พอใจทหารบ่อยในช่วงนี้ มันมีกระแสมากขนาดนั้นเลยหรือ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มี ทุกพรรครุมทหารหมดนั้นแหล่ะ กลายเป็นต่อสู้ระหว่างพรรคทหารกับพรรคประชาธิปไตย สื่อก็รู้อยู่ ทำไมต้องต่อสู้กันเอง เลิกเสียทีการเมืองแบบนี้
เมื่อถามว่ากรณีที่นายกฯ ระบุว่า มีคำตอบในใจว่าจะทำงานการเมืองต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ในใจไง เมื่อถามว่า ท่าทีของพรรคพลังประชารัฐ ดูเหมือนจะเสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯในบัญชี พรรค พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มีหลายพรรคมั้ง ขอดูก่อนสิ หลาย ๆพรรคเขาก็สนับสนุนเรา แต่ปัญหาเราคือ เราเลือกได้พรรคเดียว ก็ดูก่อนว่านโยบายเขาเป็นอย่างไร เมื่อถามย้ำว่า มีคนมองนโยบายของพรรคพลังประชารัฐสานต่อนโยบายรัฐบาลนี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ ยังไม่เห็นเลย เขาต้องทำนโยบายมาให้ตนดู
เมื่อถามว่า ที่ระบุว่า มีหลายพรรคการเมืองติดต่อมา มีพรรคใดทาบทามมาแล้วหรือไม่ นายกฯ กล่าาว่า ก็เขาพูดในสื่อ เมื่อถามย้ำว่า วันนี้เหมือนจะมีพรรคเดียว คือพรรคพลังประชารัฐที่เสนอชื่อพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯในนามพรรคพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า คำว่าสนับสนุนมี 2 อย่าง คือ เสนอชื่อเป็นนายกฯ ซึ่งตอบรับให้ได้เพียงพรรคการเมืองเดียว แต่พรรคอื่นที่มีอยู่หลายพรรคก็บอกว่าจะเสนอตน ซึ่งเป็นการสนับสนุน การบริหารราชการแผ่นดิน
เมื่อถามว่า จะรู้สึกอย่างไรหากตัดสินใจลงมาทำงานทางการเมืองต่อ นายกฯ กล่าวว่า ก็ปรับตัวเองเยอะ ต้องอดทนมากกว่านี้ แต่บางทีตนก็เป็นมนุษย์ คนเราก็มีความรู้สึก บางทีทำอะไรไปแล้วไม่เข้าใจ ก็ต้องทำให้มากขึ้น แต่ที่ตนไม่ชอบคือการ โป้ปดบิดเบือน เพราะเราไม่เคยทำ
เมื่อถามว่า ครั้งนี้ถือว่าปรับตัวแล้วหรือยัง เพราะปกติไม่เห็นนายกฯ ใช้เวลาสบาย ๆแบบนี้ ที่ผ่านเสร็จงานข้างนอกก็จะกลับเข้าทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มว่า พอดีจะสั่งงานเขาด้วย ว่าให้ปรับเรื่องยุทธศาสตร์ชาติอีกนิดหน่อย พอเดินผ่านร้านนี้เห็นสวยดี เหมือนนั่งอยู่ต่างประเทศ เพราะเวลาตนไปต่างประเทศก็ไม่เคยนั่งแบบนี้ อยู่แต่ในห้องประชุม ในโรงแรมไม่เคยแวะที่ไหน ไม่เคยตะแล๊ดแต๊ดแต๋
เมื่อถามว่า ฝ่ายกฎหมายได้หารือถึงข้อปฏิบัติต่างๆ ของนายกฯ รวมถึงรายการศาสตร์พระราชาสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายกำลังดำเนินการ รวมถึงรายการศาสตร์พระราชาฯ ก็กำลังถามอยู่ แต่การที่ตนพูดในนามของรัฐบาลในรายการดังกล่าว ไม่ได้พูดว่าให้เอาพรรคใคร ตนก็พูดของตนในเรื่องงานที่มีปัญหาเข้ามาทุกวัน พวกเราไม่มีประโยชน์ส่วนตัว เพราะหลายคนมองว่านายกฯ ได้ประโยชน์ ตนขอถามหน่อยอย่างพล.อ.อนุพงษ์ ได้ประโยชน์อะไรซักบาทหรือไม่ ก็ไม่มีหรอก
เมื่อถามว่า หลายคนเป็นห่วงว่าหากลงสนามการเมืองเต็มตัว จะถูกขุดคุ้ยเรื่องต่างๆ พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อก็ต้องช่วยตน ต้องไปบอกให้เลิกกระทำแบบนี้ แล้วเรื่องส่วนตัว ตนมีอะไรเสียหายอยู่มา 4 ปีตนก็ไม่มีเรื่องนี้ สื่อต้องบอกเขา เป็นเครื่องมือให้เขาทำไม สื่อเป็นเครื่องมือให้เขาโดยไม่รู้ตัว เขาพูดอะไรก็ถ่ายทอดมา ประชาชนก็ไม่รูว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ตนก็เสียใจ เพราะไม่ได้ทำอย่างที่เขาว่า
เมื่อถามว่า หากตัดสินใจเข้าสู่สนามการเมืองไม่กลัวเปลืองตัวหรือ เพราะจะเป็นเป้าหมายในการโจมตีของฝ่ายการเมือง นายกฯ กล่าวว่า “ถ้ามันโจมตีไม่ใช่เรื่อง ผมก็ไม่สนใจ แล้วถ้าผมกลัวจะเข้ามาทำไม ถ้ากลัวก็ต้องกลัวตั้งแต่ 22 พ.ค.57 แล้ว จบไหม ถ้ากลัวผมไม่ตัดสินใจแบบนี้หรอก”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ส่วนคนที่สนับสนุนตนก็หวังว่า เขาจะเข้าใจตนมากขึ้น อยากให้เข้าใจสถานการณ์ อดีต ปัจจุบัน และอนาคตคืออะไร การเมืองควรจะต้องเป็นอย่างไร ตนคาดหวังกับ 4 ปีที่ทำมา คนไทยต้องรู้จักและเอาทุกอย่างมาเป็นบทเรียน อย่าให้เกิดขึ้นอีก ถ้าไม่เกิดขึ้นอย่างในอดีตตนก็ไม่มีทางมายืนอยู่ตรงนี้หรอก.