ข่าวนักวิชาการเชื่อหลังเลือกตั้งไทยเจอระบอบเผด็จการครึ่งใบ - kachon.com

นักวิชาการเชื่อหลังเลือกตั้งไทยเจอระบอบเผด็จการครึ่งใบ
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่30 ม.ค. ที่โรงแรมพูลแมน  มีการจัดงานเสวนาหัวข้อ เลือกตั้ง 62 จุดเปลี่ยนประเทศไทย โดย นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายความยั่งยืนและบริหารศูนย์รังสิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า จากที่หลายฝ่ายประเมินว่า สภาพการเมืองไทย ในยุคของพล.อ.ประยุทธ์​ จันทร์โอชา นายกฯ​และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเป็นเหมือนโมเดลผู้นำทางการเมืองที่เป็นทหาร เช่น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ องคมนตรีและรัฐบุรุษ ตนมองว่าไม่สามารถเทียบกันได้ เพราะ สถานะของพล.อ.เปรมในยุคนั้น คือ เป็นคนกลาง ไม่สังกัดพรรค ไม่อยู่ในบัญชีนายกฯ อีกทั้งไม่ใช่ผู้นำที่มาจากการปฏิวัติ และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญ หรือ ยกโมเดลของ พล.ต.มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เปรียบเทียบ ตนมองว่าเป็นเรื่องยากเช่นกัน เนื่องจาก พล.ต.มรว.คึกฤทธิ์ แม้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย สามารถบริหารจัดการการเมืองในสภาได้​

"สิ่งที่หลายฝ่ายมองว่า พล.อ.ประยุทธ์​จะถูกพรรคการเมืองเสนอชื่อและเลือกให้เป็นนายกฯ ตามผมประเมินจะมีเพียง 5 พรรคเท่านั้นที่ได้ ส.ส.เกิน 5 เปอร์เซ็นต์ที่ได้สิทธิเสนอชื่อนายกฯ ได้ และสิ่งที่ผมเป็นห่วงคือ กรณีที่ได้พล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯ อาจทำให้เกิดปรากฎการณ์คุม ส.ส.ในสภาไม่ได้ และอาจซ้ำรอยเหตุการณ์ทางการเมือง ในปี2514 จนมาถึง 2516 ที่มีการปฏิวัติซ้ำ ยึดอำนาจตัวเอง จนกลายเป็นปรากฎการณ์เรียกร้องชุมนุมครั้งใหญ่" นายปริญญา กล่าว

นายปริญญา กล่าวอีกว่า สำหรับการเลือกตั้ง ที่ตามกฎหมายให้อำนาจคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มากกว่ากฎหมายในอดีต เช่น การสั่งให้เขต หรือ หน่วยเลือกตั้งบางหน่วย เลือกตั้งใหม่ จากกฎหมายเดิม กำหนดให้ใช้รูปแบบมติของคณะ กกต. แต่กฎหมายใหม่ กำหนดให้ กกต. เพียงหนึ่งคนตัดสินได้และออกคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ได้ ดังนั้นประเด็นที่จะเกิดขึ้น คือ การใช้อำนาจดังกล่าวจะกระทบกับความรู้สึกของคนหรือไม่ ที่หลายฝ่ายมองว่า กกต. มีท่าทีเกรงใจ คสช.

นายปริญญา ยังกล่าวเรียกร้องไปยัง พรรคประชาธิปัตย์ให้แสดงท่าทีต่อการใช้สิทธิโหวตเลือกนายกฯ​ในสภา เพราะล่าสุดท่าทีของพรรค คือ สงวนท่าที และอาจถูกนับข้างรวมกับพรรคพลังประชารัฐได้ ดังนั้นขอให้ประกาศท่าทีให้ชัดเจน อย่าสงวนท่าที หรือแทงกั๊ก เหมือนที่ผ่านมา ซึ่งการเมืองไทยอยู่ในสถานการณ์เปรียบเหมือนเรื่อง สามก๊ก คือจะไม่มีใครชนะขาด  อย่างไรก็ตามในวันที่ 24 มี.ค. ถือเป็นจุดเริ่มเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ทั้งนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์ยอมถอยจากการเมือง ทหารกลับเข้ากรมกอง จะทำให้บรรยากาศการเมืองเป็นภาพของการประณีประนอม ระหว่างสภาผู้แทนราษฎร และ วุฒิสภา และจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ดีของการเมืองไทย 

ทางด้าน นายโคทม อารียา ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ มหาวิทยาลัยมหิดล ฐานะอดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ตนไม่อยากเห็นบรรยากาศการเลือกตั้ง เป็นภาพจ้องจับผิด เพราะการเลือกตั้ง จะต้องมหกรรมของแสดงออกของประชาชนที่จะไปใช้สิทธิ เสรีภาพ และแสดงความเห็นภายใต้กรอบของกฎหมาย และไม่ใช้การแสดงความเห็นเพื่อสร้างความเกลียดชังแบบเหมารวม ทั้งนี้ตนไม่เชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึง เป็นการเลือกตั้งที่สกปรก เพราะมีประเด็นที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เหมือนในรูปแบบเดิม เช่น การตรวจสอบ ผ่านการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยของโทรศัพท์มือถือที่มาช่วยเป็นเครื่องทรงพลังสร้างสังคมไทยที่ดีขึ้นได้

ด้านนายสุรชาติ บำรุงสุข นักวิชาการประจำภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กติกาที่ออกแบบให้กับการเลือกตั้งปัจจุบัน ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายลูก มีรายละเอียดที่ซับซ้อน และตนมองว่าสถาปนิกของคสช. ออกแบบกฎหมายเพื่อให้การเมืองไทยยุ่งเหยิง ซึ่งหมายถึง ทำให้เกิดความวุ่นวาย, โกลาห และ ปั่นป่วน ตลอดไป แต่จะถึงการเกิดรัฐประหารอีกหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเงื่อนไขแตกต่างจากเดิม อย่างไรก็ตามการเลือกตั้ง วันที่ 24 มีนาคม ตนไม่อยากให้เห็นภาพของปรากฎการณ์โกงเลือกตั้งเกิดขึ้น 

"สิ่งที่ผมเป็นห่วงอีกเรื่องที่สำคัญว่าหลังการเลือกตั้ง คสช.​จะแพ้เลือกตั้ง และ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้เป็นนายกฯ ภายใต้ปฏิมากรรมทางกฎหมาย ซึ่งออกแบบโดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ซึ่งจะเป็นระบบเผด็จการครึ่งใบ  ไม่ใช้ประชาธิปไตยครึ่งใบ" นายสุรชาติ กล่าว.