ปชป.'มาร์ค'ชิงนายกฯชื่อเดียว ฟุ้งคุณสมบัติครบเครื่อง
การเมือง
Webmaster
2019-02-01 11:22:00
19
Webmaster
2019-02-01 11:22:00
19
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ พรรคประชาธิปัตย์จัดปฐมนิเทศว่าที่ผู้สมัครส.ส.ระบบเขต 350 คน และว่าที่ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ 150 คน โดยก่อนการปฐมนิเทศ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาอนุมัติรายชื่อบุคคลในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบเสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ในบัญชีผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ จากนั้นเป็นการประชุมร่วมกันระหว่างคณะกรรมการบริหารพรรค กับอดีตส.ส.ของพรรค เพื่ออนุมัติตามกฎหมาย
ทั้งนี้ นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ ในบัญชีผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ เพียงคนเดียว ด้วยเหตุผล 5 ข้อ คือ 1.เป็นธรรมเนียมและหลักการที่พรรคยึดถือมาตลอด 72 ปี คือคนที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคจะเป็นบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ทุกครั้ง 2.เป็นคนที่ทุ่มเทและตั้งใจทำงานให้กับประชาชนและประเทศชาติตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ทำงานทางการเมือง เป็นที่ยอมรับของประชาชน 3.เป็นคนที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา ตลอดระยะเวลาในการทำหน้าที่ ได้ทำหน้าที่เพื่อปกป้องประชาธิปไตยและเป็นหลักในการที่จะชี้นำสังคมในเรื่องของการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ไม่ว่าจะในช่วงปกติหรือช่วงที่มีรัฐประหารก็ตาม
4.ตลอดระยะเวลาในการทำหน้าที่ส.ส.หรือนายกฯ นายอภิสิทธิ์มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น และ 5.นายอภิสิทธิ์เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความเข้าใจ เคยดำรงตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีและอดีตนายกฯ เพราะฉะนั้นในการเลือกตั้งหลังวันที่ 24 มี.ค.นี้ หากได้รับเลือกเป็นนายกฯ ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีไม่จำเป็นต้องศึกษาหรือเรียนรู้งานอีกต่อไป และในปีนี้ผู้นำของประเทศจะต้องไปเป็นผู้นำองค์กรระดับโลก นายอภิสิทธิ์จะเป็นนายกฯของไทยที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศได้อย่างสง่างามในเวทีโลก
นายธนา กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมนายอภิสิทธิ์ ได้ย้ำว่าผู้สมัครทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบทุกอย่าง จะไม่มีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งใดๆทั้งสิ้น เพราะกฎเกณฑ์และกติกากรเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา ส่วนการประเมินเสียงของพรรคนั้น วันนี้เราเคารพเสียงของประชาน แต่จากการลงพื้นที่เดือนเศษ ประชาชนตอบรับนายอภิสิทธิ์ ที่จะมาเป็นนายกฯสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และสอดคล้องกับผลสำรวจของ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ระบุว่าประชาชนอยากให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ฉะนั้นเราคงไม่ประเมินว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้กี่เสียง แต่เราฝากให้ผู้สมัครทุกคนลงพื้นที่ นำนโยบายที่พรรคพิจารณาแล้วว่าจะเกิดประโยชน์ไปให้ประชาชนได้มีความรู้ความใจมากที่สุด เชื่อว่าวันนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะสามารถเป็นพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาลแก้ไขปัญหาของประเทศได้ เรายืนยันว่านโยบายของพรรคทั้งหมดทำได้จริง.
ทั้งนี้ นายธนา ชีรวินิจ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุม ว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้เสนอชื่อนายอภิสิทธิ์ ในบัญชีผู้เสนอตัวเป็นนายกฯ เพียงคนเดียว ด้วยเหตุผล 5 ข้อ คือ 1.เป็นธรรมเนียมและหลักการที่พรรคยึดถือมาตลอด 72 ปี คือคนที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคจะเป็นบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ทุกครั้ง 2.เป็นคนที่ทุ่มเทและตั้งใจทำงานให้กับประชาชนและประเทศชาติตลอดระยะเวลา 20 กว่าปีที่ทำงานทางการเมือง เป็นที่ยอมรับของประชาชน 3.เป็นคนที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยในระบอบรัฐสภา ตลอดระยะเวลาในการทำหน้าที่ ได้ทำหน้าที่เพื่อปกป้องประชาธิปไตยและเป็นหลักในการที่จะชี้นำสังคมในเรื่องของการดำเนินกิจกรรมทางการเมือง ไม่ว่าจะในช่วงปกติหรือช่วงที่มีรัฐประหารก็ตาม
4.ตลอดระยะเวลาในการทำหน้าที่ส.ส.หรือนายกฯ นายอภิสิทธิ์มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ไม่มีปัญหาเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่น และ 5.นายอภิสิทธิ์เป็นบุคคลที่มีความรู้ ความเข้าใจ เคยดำรงตำแหน่งอดีตรัฐมนตรีและอดีตนายกฯ เพราะฉะนั้นในการเลือกตั้งหลังวันที่ 24 มี.ค.นี้ หากได้รับเลือกเป็นนายกฯ ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ทันทีไม่จำเป็นต้องศึกษาหรือเรียนรู้งานอีกต่อไป และในปีนี้ผู้นำของประเทศจะต้องไปเป็นผู้นำองค์กรระดับโลก นายอภิสิทธิ์จะเป็นนายกฯของไทยที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศได้อย่างสง่างามในเวทีโลก
นายธนา กล่าวต่อว่า ในที่ประชุมนายอภิสิทธิ์ ได้ย้ำว่าผู้สมัครทุกคนต้องปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบทุกอย่าง จะไม่มีการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งใดๆทั้งสิ้น เพราะกฎเกณฑ์และกติกากรเลือกตั้งครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่ผ่านมา ส่วนการประเมินเสียงของพรรคนั้น วันนี้เราเคารพเสียงของประชาน แต่จากการลงพื้นที่เดือนเศษ ประชาชนตอบรับนายอภิสิทธิ์ ที่จะมาเป็นนายกฯสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และสอดคล้องกับผลสำรวจของ มหาวิทยาลัยราชภัฎบ้านสมเด็จ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ระบุว่าประชาชนอยากให้นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ฉะนั้นเราคงไม่ประเมินว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้กี่เสียง แต่เราฝากให้ผู้สมัครทุกคนลงพื้นที่ นำนโยบายที่พรรคพิจารณาแล้วว่าจะเกิดประโยชน์ไปให้ประชาชนได้มีความรู้ความใจมากที่สุด เชื่อว่าวันนั้นพรรคประชาธิปัตย์จะสามารถเป็นพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาลแก้ไขปัญหาของประเทศได้ เรายืนยันว่านโยบายของพรรคทั้งหมดทำได้จริง.
