'บิ๊กป้อม'นั่งหัวโต๊ะประชุมกก.วล.ถกแก้ปัญหาฝุ่นพรุ่งนี้
การเมือง
กห.วอนทุกฝ่ายมีส่วนร่วม ไม่โทษกันไปมา ถึงเวลาต้องรวมใจหยุดภัยฝุ่นละอองไปด้วยกัน
เมื่อวันที่ 3 ก.พ. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม เรียกประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม (กก.วล.) ในวันที่ 4 ก.พ. ที่สำนักนโยบายและแผน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หลังสั่งเตรียมข้อมูลรอบด้าน เพื่อกำหนดมาตรการระยะต่างๆรองรับการแก้ปัญหาภาวะฝุ่นละอองขนาดเล็กที่สะสมในบรรยากาศที่เกิดขึ้นทุกปีห้วงปลายปีถึงต้นปี อันเนื่องจากความกดอากาศสูงแผ่ปกคลุม มีผลให้สภาพอากาศนิ่ง ลมสงบ อากาศไม่ลอยตัว ทำให้ฝุ่นละอองไม่กระจายตัว โดยภาพรวมการดำเนินการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมา ทุกส่วนราชการทั่วประเทศ ได้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการบังคับใช้กฎหมายและขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เข้าควบคุมเข้มแหล่งกำเนิดมลพิษหลักอย่างจริงจัง ทั้งรถยนต์ดีเซลและการใช้รถยนต์จำนวนมาก ซึ่งตามมาด้วยปัญหาการจราจรและการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ที่ไม่ดีพอ รวมทั้งการเผาในที่โล่งและโรงงานอุตสาหกรรม โดยทุกหน่วยงานได้เพิ่มการตรวจเข้มและมีมาตรการเด็ดขาดกับแหล่งกำเนิดดังกล่าวทันที ขณะเดียวกันได้ร่วมกันรณรงค์ล้างทำสะอาดถนน ต้นไม้ริมทางและสถานที่สาธารณะ เพื่อลดการฟุ้งกระจายและเพิ่มพื้นที่ดักจับฝุ่นระดับต่ำ การพ่นละอองน้ำในพื้นที่ต่างๆ พร้อมทั้งรณรงค์สร้างการตระหนักรู้ในการป้องกันตัวเองและการมีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสังคมควบคู่กันไป เช่น การใช้เครื่องป้องกันตนเอง การลดหรือเว้นกิจกรรมที่เกิดฝุ่นและควัน การร่วมใช้น้ำมันไบโอดีเซล เป็นต้น
พล.ท.คงชีพ กล่าวต่อว่ามสำหรับพื้นที่กทม. มีกทม.เป็นหน่วยรับผิดชอบหลัก ได้ประกาศเป็นพื้นที่ควบคุม และจัดตั้งศูนย์ประสานและแก้ปัญหามลพิษในอากาศในกทม. เพื่อทำงานร่วมกับส่วนราชการต่างๆ รวมทั้ง 5 จังหวัดปริมณฑลอย่างใกล้ชิด โดยประเมินสถานการณ์เป็นระยะและแจ้งข้อมูลให้ประชาชนรับทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ ทุกจังหวัดในส่วนภูมิภาคได้ร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมต่างๆเพื่อแก้ปัญหาไปด้วยกัน ทั้งมาตการป้องกันและการแก้ปัญหา โดยเน้นการมีส่วนร่วมกัน ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมได้สนับสนุนการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ผ่านมา ทั้งการปรับเปลี่ยนภายในกองทัพ ด้วยการตรวจสภาพและลดการใช้ยานพาหนะ การเปลี่ยนใช้น้ำมันไบโอดีเซล การลดกิจกรรมที่เกิดภาวะฝุ่นควัน เป็นต้น พร้อมทั้งสนับสนุนการแก้ปัญหาในพื้นที่ควบคุม ทั้งการจัดอากาศยานโปรยละอองนำ้ การขยายผลจัดทำและติดตั้งเครื่องพ่นละอองน้ำบนตึกสูง การร่วมทำสะอาดล้างถนน ต้นไม้และสถานที่สาธารณะ การสนับสนุนกำลังพลควบคุมพื้นที่และแหล่งกำเนิดมลพิษ เป็นต้น โดยการดำเนินการที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนจากภาคประชาชนด้วยดี อย่างไรก็ตามมลภาวะที่เกิดขึ้นดังกล่าว ทุกฝ่ายต่างได้รับผลกระทบและมีความจำเป็นต้องมีส่วนร่วมแก้ปัญหาและให้กำลังใจกันและกัน โดยไม่โทษกันไปมา ซึ่งถือเป็นเวลาแห่งความท้าทายที่เราคนไทยทุกคนต้องตระหนักรู้ มีส่วนร่วมรับผิดชอบและรวมพลังหาทางออกร่วมกันอย่างสร้างสรรค์ ซึ่งเชื่อว่า เราทุกคนจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปด้วยกันโดยเร็ว.