'บิ๊กป๊อก'ชงแนวทางแก้ฝุ่นพิษ-เพิ่มรถโมบายตรวจอากาศ
การเมือง
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่ นละอองในขณะนี้ ว่า หลังจากที่ได้มีการประชุ มคณะกรรมการสิ่งแวดล้ อมจะนำแนวทางที่ได้เข้าสู่ที่ ประชุมคระรัฐมนตรี(ครม.)ในวั นเดียวกันนี้ ขณะเดียวกันได้มีการพูดถึงเรื่ องฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ว่ามีอันตรายมากน้อยแค่ไหน ซึ่งโดยภาพรวมแล้วสถานการณ์ฝุ่ นในปีนี้ถ้าเทียบกับปีที่ผ่ านมามีน้อยกว่า ซึ่งทางด้านการแพทย์ยืนยันว่ าการส่งผลกระทบต่อสุขภาพต้องใช้ เวลาและไม่มีหลักฐานว่าเมื่อร่ างกายได้รับไปแล้วจะส่งผลทันที เพราะฉะนั้นกลุ่มบุคคลที่ ควรระวังคือเด็กที่จะส่ งผลกระทบในอนาคต ขณะที่ผู้ใหญ่อาจจะสะสมเป็น 10 ปีถึงจะแสดงผล สำหรับแหล่งกำเนิด PM 2.5 นั้น มาจากรถยนต์ดีเซล 50 เปอร์เซ็นต์ ส่วนที่เหลือมาจากการก่อสร้ างและโรงงานอุตสาหกรรม
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนวิธีดำเนินการ เนื่องจากในอากาศมีส่ วนประกอบหลายส่วนรวมทั้ง PM 2.5 การดำเนินการบางอย่าง จะใช้ไม่ได้ผล เช่น PM 10 จะใช้น้ำฉีดได้ผล แต่ถ้าเป็น PM 2.5 จะต้องไปแก้ที่ต้นกำเนิด โดยมี 3 มาตรการ คือ มาตรการเร่งด่วน แบ่งเป็น 4 ส่วน คือ ส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 ใช้กฎหมายปกติ เช่นใน กทม.ห้ามรถบรรทุกเข้าพื้นที่ ในห้วงเวลาที่กำหนด และต้องมีการตรวจ รวมถึงต้องไม่มีค่าของเขม่าเกิ นตามที่กฎหมายระบุไว้ ส่วนมาตรการเสริม เช่น การกวาดถนนการฉีดละอองน้ำ ขณะที่มาตรการที่ 3 และ 4 เป็นการใช้มาตรการเสริมพิเศษอื่ นๆถ้าจำเป็น
อย่างไรก็ตามหลังจากนายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือประชาชนก็มี ผลตอบรับที่ดีขึ้น หน่วยราชการไม่ใช้รถดีเซล โดยในวันที่ 7 และ 13 ก.พ.นี้ สภาพฝุ่นก็จะเพิ่มมากขึ้นอีกห้ วงหนึ่ง ขณะเดียวกันการติดตั้งเครื่องมื อวัดปริมาณฝุ่นละอองในตัวเมื องใหญ่ๆนั้น เรายังมีไม่เพียงพอและ ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งเครื่องวัดปริมาณฝุ่นมีคุ ณภาพราคา 8 ล้านบาท แต่ควรมีการนำชุดโมบายมาเพิ่ มเติมก่อน.
พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวต่อว่า ส่วนวิธีดำเนินการ เนื่องจากในอากาศมีส่
อย่างไรก็ตามหลังจากนายกรัฐมนตรีขอความร่วมมือประชาชนก็มี