ข่าว'พุทธิพงษ์'ทิ้งเก้าอี้โฆษกรัฐบาลทุ่มงานพปชร. - kachon.com

เมื่อวันที่ 5 ก.พ. เวลา 09.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า  ตนได้ยื่นเรื่องต่อนายกรัฐมนตรี เพื่อขอลาออกจากตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา และมีผลตั้งแต่วันนี้(5 ก.พ.) ทั้งนี้ จากการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมาตลอด 4-5 เดือน ที่ผ่านมาตนได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีในการทำงานกับสื่อมวลชน แม้เป็นเวลาที่ไม่นานมาก แต่ความตั้งใจที่เคยพูดไว้ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้ทำแล้วหลายเรื่อง และสำเร็จระดับหนึ่ง ทั้งการสร้างความรับรู้เรื่องการทำงานของรัฐบาลให้กับประชาชน การสร้างความรับรู้ในโซเชียลมีเดีย ซึ่งเป็นมิติเชิงรุก ตนได้เรียนให้นายกฯทราบแล้วว่าจะขอยุติบทบาทการทำหน้าที่รองเลขาธิการนายกฯ และโฆษกประจำสำนักนายกฯ

ซึ่งการลาออกครั้งนี้ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกฎหมาย เพราะแม้ตนจะมีบทบาทในพรรคการเมือง แต่กฎหมายไม่ได้บังคับ  แต่ส่วนตัวรู้สึกว่าเมื่อตัดสินใจเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ การทำงานทั้ง 2 ด้านพร้อมกัน อาจไม่เหมาะสม และเกิดความสับสน การลาออกไปทำงานการเมืองน่าจะเหมาะสมกว่า และสามารถทำงานการเมืองได้เต็มเวลา ส่วนผู้ที่จะรับหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกฯแทนนั้น นายกฯคงมอบหมายวันนี้

นายพุทธิพงษ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ  ว่า  กรรมการบริหารพรรค และกรรมการสรรหาผู้สมัคร คงปรับตามความเหมาะสมและสรุปกันอีกครั้ง ก่อนจะไปยื่นกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ภายในวันที่ 8 ก.พ. และตนยังไม่รู้ว่าตัวเองได้อยู่ลำดับที่เท่าไร ส่วนการที่พรรคพลังประชารัฐเชิญพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้มาอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้ที่พรรคจะสนับสนุนให้เป็นนายกฯนั้น ขณะนี้พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ได้ให้คำตอบ แต่ทุกอย่างจะได้ข้อสรุปภายในวันที่ 8 ก.พ.

ผู้สื่อข่าวถามว่าการลาออกเพราะมีคดีชุมนุม กปปส.ติดตัวด้วยหรือไม่ นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า  ไม่เกี่ยวกับเรื่องคดี เพราะปัจจุบันตนได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว แต่ยังไม่ได้มีการสอบพยาน ทุกอย่างไม่ได้มีอะไรแปลก ขณะที่ทุกวันนี้ตนยังทำทุกอย่างได้ปกติ และตลอด 4-5 เดือนที่ผ่านมาในตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกฯ เรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้สร้างผลกระทบ.