ข่าว'บิ๊กตู่'วอนเลิกทะเลาะเบาะแว้ง หวั่นโอกาสประเทศหายไป - kachon.com

'บิ๊กตู่'วอนเลิกทะเลาะเบาะแว้ง หวั่นโอกาสประเทศหายไป
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 6 ก.พ. ที่จ.ยโสธร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมคณะลงพื้นที่ตรวจราชการ จ.ยโสธรและจ.มุกดาหาร โดยจุดแรกนายกฯ ได้ตรวจเยี่ยมการขับเคลื่อนเมืองเกษตรอินทรีย์ต้นแบบ ณ ศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์วิถียโสธร อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร โดยศูนย์นี้อยู่ระหว่างขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เกษตรอินทรีย์อยู่ระหว่างปี 59-62 ครอบคลุมด้านพืช ปศุสัตว์ และสัตว์น้ำ เพื่อเพิ่มพื้นที่เกษตรอินทรีย์ และยกระดับการผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล และเป็นต้นแบบการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ของประเทศรองรับการเป็นมหานครแห่งเกษตรอินทรีย์ 
         
โอกาสนี้นายกฯ เป็นประธานสักขีพยานมอบหนังสือแสดงโครงการป่าชุมชนให้แก่ประชาชน และสักขีพยานผู้ว่าราชการจ.ยโสธร มอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในลักษณะแปลงรวมให้แก่ผู้แทนประชาชน พร้อมกล่าวมอบนโยบาย ตอนหนึ่งว่า ดีใจที่มาพบทุกคคนด้วยตัวจริงไม่ใช่แค่ผ่านโทรทัศน์ สำหรับจ.ยโสธร มีชื่อเดิม ยศสุนทร แปลว่า ทรงไว้ซึ่งเกียรติ ขณะเดียวกันยโสธรมีศักยภาพในด้านเกษตรอินทรีย์ จนได้ชื่อว่าเป็นเมืองเกษตรอินทรีย์ต้นแบบของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตข้าวอินทรีย์มากที่สุดในประเทศ สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด จนเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ถือเป็นความภาคภูมิใจของจังหวัดยโสธร นับเป็นการพัฒนาที่ถูกทางอย่างที่สุดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งเป็นพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 อันจะนำพาชาวยโสธร ไปสู่การอยู่ดีและมีความสุข แข็งแรงทั้งกายและใจ สุขภาพดีไม่มีสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ทั้งนี้คาดว่าในอนาคตจะเพิ่มพื้นที่ทำการเกษตรอินทรีย์ได้ถึง 6 แสนไร่ 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามวันนี้อยากให้ประชาชนได้ฟังข้อมูลจากรัฐบาล โดยมีกรอบยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี จึงอย่าไปฟังแค่ว่าวันนี้ใครจะให้อะไรกับเรา และอย่ามองแค่ว่าสิ่งที่ทำวันนี้เราจะอยู่หรือไม่อยู่ ต้องมองอนาคตของลูกหลาน ซึ่งรัฐบาลพยายามทำหลายมาตรการเพื่อให้เกิดตวามยั่งยืน ทั้งโครงการประชารัฐบ้านล้านหลัง ยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับการเมืองที่มีการเอาชื่อไปใช้ แต่รัฐบาลทำเรื่องนี้มาตลอด เพื่อให้เกิดประโยชน์กับส่วนรวม ขณะที่ประเทศไทยไม่เหมือนคนอื่น มีคนน่ารัก แต่บางส่วนก็ไม่ไว้ใจ ซึ่งตนพยายามเคลียร์เรื่องเหล่านี้ให้ได้ โดยต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริง อีกทั้งหลายอย่างเราต้องยอมรับ เมื่อก่อนอาจไม่มีใครมาพูดแบบนี้ ไม่มีใครมาทะเบาะกับท่าน มาพูดหวานๆ เพราะๆ พูดจาจ๊ะจ๋าไปเรื่อย ซึ่งมันไม่ได้ เราต้องพูดกันด้วยข้อเท็จจริงและพัฒนาไปด้วยกัน 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันทุกรัฐบาลหากให้อย่างเดียวก็จะหมดสภาพ รัฐบาลเองก็จะเจ๊ง เพราะเป็นเงินภาษีของคนทั้งประเทศ อีกทั้งมีพ.ร.บ.งบประมาณ และพ.ร.บ.การเงินการคลังอยู่ จึงอย่าฟังหากใครบอกจะให้อะไรก็ต้องถามกลับด้วยว่า เงินมาจากไหนและผิดกฎหมายหรือไม่ ทั้งนี้ตนเป็นนายกฯ ของประเทศไทย จะต้องดูแลคนทั้งประเทศ ไม่ใช่แค่พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง แต่ต้องเห็นใจคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งวันนี้มีผู้มีรายได้น้อยมาลงทะเบียนถึง 14.7 ล้านคน ที่มีรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ บางพื้นที่เฉลี่ยเดือนละไม่กี่พันบาทแล้วจะอยู่กันได้อย่างไร

นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เราต้องคิดถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว และที่มาวันนี้ไม่ต้องจำสิ่งที่ตนพูดไปมาก แต่สิ่งที่พูดไปทั้งหมดต้องการเน้นย้ำให้เห็นว่าวันนี้เราต้องคิดร่วมกัน อย่าถือว่าใครนำใคร รัฐบาลมีหน้าที่เพียงกำหนดนโยบายให้ตรงความต้องการประชาชนในพื้นที่ ซึ่งประชาชนต้องเรียนรู้และเดินไปด้วยกัน ไม่เช่นนั้นก็จะมีปัญหาแก้ไม่ได้ต่อการพัฒนาเหมือนหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งปัญหาหล่านี้อาจอยู่ไปเป็น 100 ปี ก็ได้หากไม่คิดใหม่และทำใหม่ แม้เราไม่มีเงินก็สามารถออกแรงได้ เพื่อเดินไปด้วยกัน เพราะไม่มีอะไรได้มาโดยเขาให้เพียงอย่างเดียว เรามีศักดิ์ศรี มีสมอง มีความคิด ทำไมต้องไปรอเขาให้ ดังนั้นการพูดจาต้องทำความเข้าใจกันอย่าให้ใครมายิดเบือนและหลอกลวง นายกฯคนนี้ไม่เคยพูดโกหกกับพวกเรา โกหกใครไม่ได้พูดแต่ความจริง ซึ่งหลายคนอาจชอบบ้างไม่ชอบบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ไม่มีใครชอบทั้งหมด ใครชอบทั้งหทดก็คงไม่ใช่นายกฯ 

"บ้านเมืองจะสงบหรือไม่สงบอยู่ที่ทุกคน วันนี้ประชาชนและรัฐต้องทำงานร่วมกันในการจัดงานพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เราจะมีพระเจ้าแผ่นดินที่สมบูรณ์ เป็นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครบขั้นตอนทั้งหมดเหมือนกับรัชกาลที่ 9 โดยทุกคนถือว่าโชคดีที่อยู่ 2 รัชกาล ซึ่งรัชกาลที่ 9 ทรงครองราชย์มา 70 ปี เราจึงอยู่มา 2 รัชกาลคือช่วงท้ายและช่วงต้น จึงต้องทำให้หลักชัยของประเทศคือ สถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ เข้มแข็ง และทำให้ประเทศไทยอยู่ได้ ไม่เป็นแบบบ้านอื่นคนอื่นเขา เพราะเรามีหลักชัยที่ยึดมั่นตรงนี้ ดังนั้นเราต้องสร้างจิตสำนึก การเป็นจิตอาสา การทำความดีด้วยหัวใจ จึงขอให้มาร่วมมือ ร่วมใจ และพูดคุยกัน อย่าไปมัวคุยแต่เรื่องความขัดแย้ง น่ารำคาญ น่าเบื่อ" นายกฯ กล่าว

ในช่วงหนึ่งนายกฯ ได้ย้อนถามประชาชนว่า เบื่อกันหรือไม่ พร้อมกล่าวต่อว่า เราจะทะเลาะเบาะแว้งกันอีกไม่ได้แล้ว เพราะโอกาสที่พูดมาทั้งหมดจะหายไปทั้งในและต่างประเทศ และตลาดการค้าจะเอามาจากไหนถ้าทุกคนแอนตี้เรา ดังนั้นอย่าพูดว่าอะไรก็ไม่ดีทั้งหมด เพราะการพูดจาเช่นนี้ถูกเผยแพร่ไปเร็วทั่วโลก ไม่ว่าจะเรื่องจริงหรือไม่จริง ซึ่งหากเชื่อขึ้นมาก็จะกีดกันเราในทุกเรื่อง แต่วันนี้ไม่มีใครกัดกันไทย และทุกอย่างสูงขึ้นทุกเรื่อง ต่างประเทศก็มาพบตนตลอด ยืนยันเจตนารมณ์พร้อมร่วมมือกับเรา จึงขอให้การเลือกตั้งสงบเรียบร้อย ตนขอแค่นี้ ถ้าไม่ทำแบบนี้ทุกอย่างก็ไปไม่ได้ อนาคตเสียหาย สิ่งที่ทำมา 4-5 ปีจะเสียหายทั้งหมด จึงขึ้นอยู่ที่ทุกคน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการลงพื้นที่ในวันเดียวกันนี้ถือเป็นการลงพื้นที่ครั้งที่ 2 ของนายกรัฐมนตรีภายหลังมีพ.ร.ฎ.เลือกตั้งประกาศใช้ ท่ามกลางเสียงวิพากวิจารณ์ถึงความเหมาะสม เนื่องจากพล.อ.ประยุทธ์ ยังคงสงวนท่าทีทางการเมืองยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อย่างไรก็ตาม ในการลงพื้นที่จังหวัดยโสธรในวันนี้ตลอดเส้นทางบนถนนสายหลักมายังศูนย์การเรียนรู้เกษตรอินทรีย์ วิถียโสธร อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร มีป้ายหาเสียงของพรรคเพื่อไทยจำนวนมาก รวมถึงป้ายหาเสียงของพรรคอนาคตใหม่ติดตั้ง โดยเป็นที่หน้าสังเกตว่าไม่มีป้ายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐแต่อย่างใด

สำหรับมาตรการความรักษาความปลอดภัยผู้ที่จะเข้ามาต้อนรับพล.อ.ประยุทธ์ นั้น อยู่ในชั้นการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด ประชาชนทุกคนจะต้องผ่านจุดคัดกรอง ที่มีเครื่องสแกนวัตถุต้องสงสัย การตรวจบัตรประชาชน และติดสติ๊กเกอร์และบัตรสี ห้ามพกพาอาวุธ แม้แต่ขวดน้ำพลาสติกเจ้าหน้าที่ก็จะตรวจและขอเก็บออกจากเต้นท์ต้อนรับนายกรัฐมนตรี.