ข่าวแกนนำทษช.โยนกก.บห.ฟันธง 'คน'นั่งบัญชีนายกฯ - kachon.com

เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่พรรคไทยรักษาชาติ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติ  แถลงถึงกระแสข่าวการจัดอันดับส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ภายในพรรคเกิดรอยร้าวว่า ยืนยันว่า ข่าวที่ออกมาไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง ที่บอกว่าจะมีการยุติการปฏิบัติหน้าที่ ลาออกจากบัญชีรายชื่อ ก็ไม่มีเรื่องนั้น พวกตนก่อนตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรคไทยรักษาชาติได้ปรึกษาหารือกัน มีคำถามมายังพรรคไทยรักษาชาติว่า ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ต่อต้านการสืบทอดอำนาจหรือไม่ ซึ่งได้รับคำยืนยันว่าใช่ พวกเราเลยมาโดยไม่ได้พกข้อเรียกร้อง ความต้องการทางการเมืองมาด้วย ไม่ได้มาเพื่อตอบโจทย์ความคาดหวังของพวกเราเอง แต่เรามาเพื่อความคาดหวังของประชาชน เราเชื่อมั่นว่าพรรคไทยรักษาชาติทำได้จึงมาทำหน้าที่นี้อยู่ด้วยกัน 

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า พวกตนจะเดินหน้าต่อ ไม่มีตะกอนในหัวใจ ยืนยันว่าหลักการประชาธิปไตย คือภาระหน้าที่ของพวกเรา ในส่วนของน้องๆ บางคนที่ถูกหยิบยกชื่อขึ้นมานั้น น้องๆเหล่านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกตน คู่ต่อสู้ของพวกตนคือเผด็จการ เราจะจับมือร่วมกันเดิน คนที่เข้ามาในพรรคล้วนมีศักยภาพ พวกตนพร้อมยืนบนเวทีเดียวกัน ส่วนกรณีที่นายพายัพ ปั้นเกตุ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่41 พรรคไทยรักษาชาติ ไม่ได้เดินทางมาร่วมแถลงข่าวด้วยนั้น คาดว่าอีก 1-2 วันคงจะกลับมา และยังเป็นกำลังหลักในการหาเสียง ส่วนการออกจากกลุ่มไลน์พรรคนั้น เชื่อว่านายพายัพจะกลับเข้ามาในกลุ่มใหม่ในไม่ช้า 

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่พรรคพลังประชารัฐเปิดรายชื่อส.ส.บัญชีรายชื่อนั้น หลายคนที่อยู่ลำดับต้นๆ ล้วนมาจากพรรคการเมืองเดิม ซึ่งย้อนแย้งกับคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ที่ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ให้ประชาชนตัดสินใจเลือกคนใหม่ ถ้าเลือกคนเก่าจะมีปัญหา ทั้งนี้ ตลอดเวลาที่อยู่ในอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์พูดถึงแง่ลบต่อนักการเมือง แต่เมื่อดูบัญชีรายชื่อ5อันดับแรก ครึ่งหนึ่งมาจากพรรคประชาธิปัตย์ อีกครึ่งหนึ่งมาจากพรรคไทยรักไทย ไม่ได้มีรูปลักษณ์ใหม่อย่างที่พล.อ.ประยุทธ์พูดไว้ หมายความว่า เพื่อต้องการทำให้บรรลุการสืบทอดอำนาจ จะเอาใครมาก็ได้ใช่หรือไม่ บางคนมีคดีในชั้นศาลทั้งที่พล.อ.ประยุทธ์บอกว่านักการเมืองไม่ควรมีคดีในชั้นศาล จะกลายเป็นว่าประชาชนต้องให้การสนับสนุนใช่หรือไม่ ภารกิจที่จะปฏิรูปประเทศ แท้จริงแล้วเป็นเรื่องขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปเป็นบ้องกัญชาใช่หรือไม่ 
 
ด้านนพ.เหวง โตจิราการ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ55 พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ขอบคุณทุกความเห็นที่เป็นห่วงเป็นใยว่าจะแตกแยก จะเลิกร้างต่อกันไป แตกตัวออกไป ซึ่งถ้าตนไม่เอากับพรรคไทยรักษาชาติ คงจะไม่ตื่นตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปให้ทันร่วมลงพื้นที่หาเสียงกับพรรคไทยรักษาชาติในวันนี้ ดังนั้น ขอให้สบายใจ ตนไม่ไปไหน ยังอยู่พรรคไทยรักษาชาติ และจะเดินต่อไป เรื่องลำดับที่นั้นเป็นเรื่องเบาเหลือเกิน ถ้าเทียบกับเราต้องการโค่นล้มรัฐประหาร ปิดประตูรัฐประหาร ไม่ให้เกิดขึ้นอีกในประเทศไทย เพื่อสร้างประชาธิปไตยอย่างแท้จริง 

ขณะที่นายวิภูมิแถลง พัฒนภูมิไท ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับ56 พรรคไทยรักษาชาติกล่าวว่า เสียงที่สะท้อนออกมาต่อการจัดลำดับบัญชีรายชื่อในพรรค ถามว่าน้อยใจ เสียใจหรือไม่ ขอเรียนอย่างตรงไปตรงมาอย่างลูกผู้ชายว่า เป็นเรื่องเล็กมาก เรายืนอยู่ตรงไหนก็ได้หากมีภารกิจเป้าหมายต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย วันนี้จำเป็นต้องชี้แจง ตนและเพื่อนมิตรไม่มีปัญหา ภารกิจของเราหนักหนาใหญ่โต อย่าคิดเล็กคิดน้อย ไม่เช่นนั้นจะทำให้กระบวนการกระเพื่อมได้ เรายังยืนหยัดชัดเจนกับพรรคไทยรักษาชาติ

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกระแสข่าวว่าจะมีแคนดิเดตนายกฯ ที่เป็นบุคคลสำคัญภายนอกพรรคเข้ามา นายณัฐวุฒิกล่าวว่า เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรค ตนไม่ได้อยู่ในกรรมการบริหารพรรคจึงยังตอบไม่ได้ ส่วนเรื่องจุดยืนของนปช.ต่อกรณีดังกล่าว คงต้องให้มีความชัดเจนออกมาก่อน เพราะทางพรรคบอกว่าจะไปยื่นรายชื่อแคนดิเดตนายกฯต่อกกต.ในวันที่ 8 ก.พ. พวกเรายืนยันหลักการประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัติรย์ทรงเป็นประมุข ส่วนกรณีที่นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคไทยรักษาชาติ ระบุว่าอาจไม่ได้อยู่ในแคนดิเดตนายกฯ แล้วนั้น  ตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายจาตุรนต์จึงไม่ทราบ 

เมื่อถามว่า ในฐานะแกนนำนปช.เห็นว่าใครเหมาะสมกับแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค นายณัฐวุฒิกล่าวว่า คงพูดอย่างนั้นไม่ได้ เพราะหากพูดไปจะกลายเป็นการชี้นำ ส่วนกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตอบรับการเป็นนายกฯ มีการวิเคราะห์ว่าเพราะต้องรอดูรายชื่อนายกฯ จากพรรคไทยรักษาชาติก่อนนั้น ตนไม่รู้ว่าที่พล.อ.ประยุทธ์ยังไม่ตอบรับเพราะท่านรอดูรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคไทยรักษาชาติหรือไม่ แต่เชื่อว่าท่านคงมีเหตุผลของท่าน เพราะท่านบอกยังมีเวลาถึงวันที่ 8 ก.พ.