4พรรคใหญ่โชว์นโยบายขายฝันพัฒนาชาติ
การเมือง
ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยมียุทธศาสตร์ 6 ด้าน คือ 1.ไทยทำ โดยมีการสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์สินค้าไทย 2.ไทยทันสมัยที่เป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้ส่งเสริมการผลิตและเพิ่มมูลค่าสินค้า รวมถึงจะต้องลดขั้นตอนกฎระเบียบเพื่อให้มีความทันสมัย 3.ไทยเท่าเทียม ต้องมีการส่งเสริมให้ประชาชนมีโอกาสได้รับการศึกษาและสาธารณสุขมากขึ้น อีกทั้งต้องส่งเสริมการกระจายอำนาจ
นายชัชชาติ กล่าวอีกว่า 4.ไทยเชื่อมไทย คือการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งและโครงสร้างพื้นฐานในไทยที่เชื่อมโยงทั่วทุกพื้นที่ในประเทศ และเชื่อมต่อต่างประเทศ 5.ไทยเชื่อมโลก มีการทำข้อตกลงต่างๆ อีกทั้งต้องดึงคนเก่งจากนานาประเทศมาที่เมืองไทยด้วย รวมถึงจะต้องหาตลาดและพันธมิตรทางการค้า ขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าเรือ ขณะเดียวกันต้องพัฒนาด่านชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านให้มีความเข้มแข็ง และ 6.ไทยยั่งยืน ต้องสร้างความโปร่งใสในการบริหารประเทศ แก้ปัญหาทุจริต ยกระดับคุณภาพชีวิต แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ นโยบายของพรรคเพื่อไทยมองความต่อเนื่องเชื่อมโยง เมื่อร้อยเรียงกันเป็นเรื่องเดียวและเสริมกันได้แล้ว จะนำประเทศไปสู่อนาคตได้ นอกจากนี้เราต้องเร่งการใช้จ่ายในภาครัฐ โดยต้องปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค เร่งการเบิกจ่ายของภาครัฐ การกระจายเม็ดเงินลงไปในพื้นที่ยุทธศาสตร์ของพรรคเน้นการทำโครงการที่เป็นเส้นเลือดฝอยสู่ชุมชนรากหญ้าในพื้นที่ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ทำให้มีเงินหมุนเวียนมากขึ้น ส่วนค่าเงินบาท รัฐบาลใหม่ต้องหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เพื่อติดตามเรื่องค่าเงินบาทอย่างใกลชิด และหามาตรการรับมือด้วย
ส่วนระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้ทำถูกทางขึ้น แต่ต้องได้รับการทบทวนเพื่อทำให้ดีขึ้น คิดให้ถ่องแท้ รวมถึงต้องเอาท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในเรื่องการบริหารจัดการสิ่งที่กระทบชีวิตของประชาชนและสภาพแวดล้อม สำหรับแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งนั้น ส่วนตัวคิดว่าต้องถามพรรคที่ต้องการจะมาจับมือว่าเขาสนับสนุนการรัฐประหารหรือไม่ ซึ่งถ้าเขาบอกว่าไม่ขัดข้องกับรัฐประหาร ตนก็คงร่วมงานกันด้วยยาก แต่ถ้าเขาไม่เห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร ตนก็คงไม่ขัดข้อง
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนหวัง 3 ข้อ คือ 1.ต้องหลุดพ้นจากเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ 2.อยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างชัดเจน 3.ไม่ต้องการให้การเมืองกลับมาสู่ภาวะแบบนี้อีก สำหรับความท้าท้ายหลักๆของประเทศ ประกอบด้วย. 1.การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี ทำให้เราต้องแก้ไขกฎหมายล้าสมัย ระเบียบหยุมหยิม ขั้นตอนยุ่งยาก ต้องสะสาง รวมถึงการกระจายอำนาจ 2.โลกาภิวัฒน์ กระทบกับประชาชนมากยิ่งขึ้น ต้องฟื้นฟูการเจรจาการค้าการลงทุนของภูมิภาค โดยจะใช้กรณีที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียนเป็นโอกาสำหรับการเจรจาต่อรองกับประเทศอื่นๆ ในเรื่องนโยบายด้านเศรษฐกิจและเรื่องภาษี 3.ไทยยังติดกับดักรายได้ปานกลาง กินบุญเก่าจากทรัพยากรไม่ได้แล้ว แต่ต้องสร้างรายได้ให้ประเทศ 4.สังคมสูงวัย กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนแรงงาน ต้องหาสวัสดิการดูแล ถ้าไม่ทำในระดับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
5.ความเหลื่อมล้ำสูงทุกมิติ ทั้งสังคมและเศรษฐกิจ ทั้งระดับภูมิภาค ต้องปฏิรูประบบภาษี ขจัดการผูกขาดการค้า ต้องแก้กฎหมาย 6.การเมืองที่ยือเยื้อเรื้อรังมานับ 10 ปี ทำให้คนขาดศรัทธา ซึ่งต้องปราศจากการทุจริต การจะทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดผลได้ เราจะต้องมีการเมืองที่สะอาด และรัฐบาลต้องปลอดผลประโยชน์ทับซ้อนหรือการทุจริต เราต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนร่วมตรวจสอบอย่างจริงจัง การรัฐประหาร 2 ครั้งที่มาเกิดจากการทุจริต นำไปสู่ความเจ็บปวดและเสียหาย ทั้งหมดคือโจทย์และทางออกของประชาธิปัตย์ ทั้งระยะสั้นและระยะยาว ประเทศไทยต้องเดินไปบนถนนประชาธิปไตย ไม่ย้อนกลับมาแบบเดิม และประชาชนต้องเป็นใหญ่ ประชาธิปไตยต้องสุจริต
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจได้ต้องเพิ่มกำลังซื้อของคนส่วนใหญ่ในประเทศโดยเริ่มต้นจากเกษตรกร สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน จำเป็นต้องทำทั้งโครงการขนาดใหญ่และขนาดเล็ก ซึ่งการทำโครงการขนาดหญ่ต้องมีเป้าหมายให้ชัด กรณีของอีอีซี ในภาพรวม เราสนับสนุนการทำโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องตรงนี้ แต่ต้องมีการประเมินความคุ้มค่า ส่วนธุุรกิจร้านค้าปลอดภาษี (ดิวตี้ฟรี) ในปัจจุบันเป็นธุรกิจที่กำลังเอาเปรียบการค้าข้างนอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเครื่องสำอางที่จำหน่ายในห้างสรรพสินค้าทั่วไป จึงต้องมีการแก้ไขไม่ให้ดิวตี้ฟรีเอาเปรียบเช่นนี้ต่อไป
สำหรับมีเงื่อนไขอย่างไรในการจัดตั้งรัฐบาล หลังการเลือกตั้งนั้น ถ้าประชาชนเลือกประชาธิปัต์เข้ามามาก เราจะถามว่าใครอยากมาร่วมแนวทางเสรีประชาธิปไตยที่ต้องการสร้างคน สร้างชาติ ใครจะร่วมเราก็ยินดี แต่ถ้าเราได้รับเลือกน้อย ก็ตั้งรัฐบาลไม่ได้ แต่จะตั้งคำถามกับตัวเองว่า พรรคเสียงข้างมากพรรคใดที่เราพร้อมจะทำงานร่วมกัน ซึ่งเรายืนยันว่าไม่สนใจที่ะร่วมรัฐบาลกับพรรคที่บริหารประเทศแล้วทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่หรือมีปัญหาคอรัปชั่น
ด้านนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเชื่อว่าทุกคนต้องการให้ประเทศสงบ ประชาชนมีความสุข เป็นสังคมเกื้อกูล คุณภาพชีวิตดี การเติบโตของประเทศก้าวทันเวทีโลก ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการแก้ปัญหาที่สะสมมานาน ดังนั้น พปชร.เสนอพันธกิจสวัสดิการ ทั้งสวัสดิการประชารัฐ สังคมประชารัฐ เศรษฐกิจประชารัฐ
ทั้งนี้สิ่งที่พรรคจะทำเป็นสิ่งแรกคือ แก้ไขปัญหาสะสมทั้งเรื่องความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาและสาธารณสุข อีกทั้งจะมีนโยบายพักหนี้กองทุนหมู่บ้านระยะเวลา 3 ปี พร้อมมาตรการฟื้นฟูผู้กู้ พัฒนาทักษะ ทางเศรษฐกิจชุมชน พร้อมเติมทุนเข้าไป เป็นกองทุนประชารัฐเพื่อให้ทุกคนมีทุน สามารถจับจ่ายใช้สอย ปลดภาระได้ และเราจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ สำหรับในภาพรวม ประเทศไทยต้องการการลงทุนชุดใหม่ เพื่ออนาคต เน้นอุตสาหกรมเป้าหมาย และเราจะเดินหน้าโครงการอีอีซีต่อแน่นอน เพราะเป็นการสร้างประโยชน์ทั่วถึงตั้งแต่ฐานราก เป็นการสร้างฐานความเจริญใหม่ สร้างเมืองใหม่ ระบบดูแลสิ่งแวดล้อม และคนใหม่ เพื่อตอบโจทย์อุตสาหกรรมเป้าหมาย และขยายโครงการแบบนี้ทั่วประเทศ เป็น อีสาน 4.0 ล้านนา 4.0 และด้ามขวาน 4.0 โดยดึงจุดเด่น จุดแข็งของพื้นที่ออกมาทำ
นายอุตตม กล่าวอีกว่า ส่วนการทำให้คนไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นคือการสร้างสิ่งแวดล้อที่เป็นมิตร แก้ปัญหาฝุ่นละออง มลพิษ ขยะมูลฝอย สร้างสังคมสีขาว ปลอดยาเสพติด นอกจากนี้ ยังส่งเสริมสุขภาพกาย สุขภภาพใจดี เพื่อให้คนมีความุขที่แท้จริง ผ่านระบบหลักประกันสังคมถ้วนหน้าทั้งด้านการศึกษา และสาธารณสุข เน้นกาารส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค ก่อนป่วย ส่วนการรักษาก็ต้องให้เข้าถึงง่าย การบอกว่าคาใช้จ่ายฟรี กับการบอกว่ามีค่าใช้จ่ายบ้าง แต่เข้าถึงเร็ว มีคุณภาพ คาดว่าอย่างหลังดีกว่าอย่างแรก
"พปชร.พร้อมที่จะทำงานร่วมกับพรรคอื่น ตราบใดที่เราสามารถที่จะมองเรื่องอุดมการณ์ร่วมกันได้ และตราบใดที่เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการเห็น และตราบใดที่ทุกพรรคที่เราจะร่วมด้วยปฏิบัติตามกฎกติกา สุดท้ายผลการเลือกตั้งออกมาต้องเคารพซึ่งเวลาจะเป็นตัวกำหนดว่าใครแตะมือกับใคร" นายอุตตม กล่าว
ขณะที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า ประเทศไทยติดกับดักรัฐประหารมานาน เราจึงต้องปลดล็อคตรงนี้ และประเทศสู่การเป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่งยืนยันว่าพรรคอนาคตใหม่ไม่เอาการสืบทอดอำนาจของคสช.ทุกรูปแบบ เพราะหากการเมืองได้รับการแก้ไข ก็จะสามารถเดินหน้าเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาปากท้องได้ สำหรับนโยบายของเรานั้น มองว่าเกษตรกรซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศ มีหลายเรื่องที่ต้องเอาเทคโนโลยีเข้ามาแก้ปัญหา เช่นพัฒนาเครื่องอบข้าวแทนการปล่อยให้เกษตรตากข้าวบนถนน หรือพัฒนาเครื่องแปรรูปยางพารา รวมถึงพัฒนาระบบไซโลในการตรวจสอบข้าวในโกดัง เป็นต้น
อีกทั้งเราจะพัฒนาและส่งเสริมการใช้บัตรประชาชนอิเล็กทรอกนิกส์ ลดเวลากรอกเอกสาร ลดการเดินทางของประชาชน รวมถึงส่งเสริมการใช้พร้อมเพย์ เพราะมีข้อดีคือสามารถตรวจสอบได้ ป้องกันคอร์รัปชั่น นอกจากนี้ ต้องการสร้างงาน สร้างอาชีพให้คน เน้นงานปราณีต งานสร้างสรร และส่งเสริม เป็นต้น รวมถึงจะต้องปรับปรุงเรื่องของภาษีที่ดิน การส่งเสริมการลงทุนกองทุนแอลทีเอฟ-อาร์เอ็มเอฟ แล้วเอาส่วนนั้นมาอุ้มคนเดือดร้อน ความจำเป็นในชีวิต นอกจากนี้ต้องยกเลิกการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ส่วนกลาง เพราะที่ผ่านมาพื้นที่จะทำอะไรต้องมาขอที่กทม.เป็นหลัก ทั้งที่แต่ละพื้นที่มีความสวยงาม มีศักยภาพแตกต่างกัน หากไม่เปลี่ยนแปลงอำนาจและยกเลิกกลุ่มทุนผูกขาด เราไม่มีทางแก้ความเหลื่อมล้ำได้
นายธนาธร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ เราต้องคิดใหม่โดยพัฒนาเรื่องการผลิตในประเทศที่สอดคล้องกับคนไทยและทรัพยากรของไทย และขยายการพัฒนาไปยังจังหวัดอื่นไม่ให้กระจุกตัวในกทม.หรือภาคตะวันออก รวมถึงต้องพัฒนาเทคโนโลยีจัดการขยะ สำหรับเมกะโปรเจค นั้นตนมองว่าควรลงทุนกับการศึกษาทุกระดับโดยเฉพาะสายอาชีพ ต้องมีเทคโนโลยีที่ททันสมัย ส่วนโรงเรียนก็มีเทคโนโลยีที่พร้อม ในเรื่องการเมืองนั้น ตนยืนยันว่าต้องหยุดยั้งวงจรรัฐประหารให้ได้ด้วยคนรุ่นเรา อย่าส่งต่อให้ลูกหลาน.