เปิดบทลงโทษพรบ.ประกอบรธน. ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.
การเมือง
เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.2561 ได้กำหนดคุณสมบัติสำหรับผู้สมัครรับเลือกตั้งเอาไว้ใน หมวด 4.ว่า ผู้สมัครและการรับสมัครเลือกตั้ง ทั้งนี้ในส่วนที่ 2. การสมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งกรณีตามวรรคหนึ่ง หากผู้สมัครที่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามได้คะแนนไม่อยู่ในลําดับที่ จะได้รับการเลือกตั้ง มิให้นําคะแนนที่ผู้สมัครนั้นได้รับไปใช้ในการคํานวณ ตามมาตรา 128 ในกรณีตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสอง
“หากผู้สมัครผู้นั้นรู้อยู่แล้วว่า ตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง ให้คณะกรรมการสั่งระงับสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไว้เป็นการชั่วคราว และดําเนินการต่อไปตามมาตรา 138 มาตรา 54 กรณีที่พบเหตุตามมาตรา 53 ภายหลังประกาศผลการเลือกตั้ง และผู้นั้นเป็นผู้ได้รับเลือกตั้งให้ คณะกรรมการยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อวินิจฉัยในกรณี ตามวรรคหนึ่งหากผู้สมัครผู้นั้นรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งแล้ว ปกปิดหรือไม่แจ้งข้อความจริงนั้น ให้ถือว่าการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งนั้น มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรมและให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคําสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้น"
และเมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ให้นําความในมาตรา 131 มาใช้บังคับด้วยโดยอนุโลมเมื่อศาลรัฐธรรมนูญ ได้รับเรื่องไว้พิจารณาแล้วหากปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ถูกร้อง มีกรณีตามที่ถูกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ มีคําสั่งให้ผู้นั้นหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคําวินิจฉัย มาตรา 55 พรรคการเมืองที่ส่งผู้สมัคร หากประสงค์จะส่งผู้แทนไปประจําอยู่ ณที่เลือกตั้งเพื่อสังเกตการณ์การออกเสียงลงคะแนนและการนับคะแนนให้ยื่นหนังสือแต่งตั้งผู้แทนของตน
นอกจากนี้ยังมีบทลงโทษเกี่ยวกับผู้สมัครับเลือกตั้ง เอาไว้ในหมวด 8 มาตรา153 ผู้สมัครผู้ใดทําหนังสือยืนยันการไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามมาตรา 45 หรือมาตรา 57 อันเป็นเท็จต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี
มาตรา 154 ผู้สมัครผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 63 ห้ามมิให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองใช้จ่ายในการเลือกตั้งเกินจํานวนค่าใช้จ่ายที่กําหนดตาม มาตรา 62 ให้คณะกรรมการประกาศกําหนดจํานวนเงินค่าใช้จ่ายของผู้สมัครแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแต่ละคนและของพรรคการเมืองที่จะใช้จ่ายในการเลือกตั้งโดยหารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองและให้มีการทบทวนการกําหนดจํานวนเงินดังกล่าวให้สอดคล้องกับความจําเป็นและสภาวะทางเศรษฐกิจอย่างน้อยทุกสี่ปีค่าใช้จ่ายของพรรคการเมืองตามวรรคหนึ่งต้องเป็นการหาเสียงของพรรคการเมืองตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะกรรมการกําหนดโดยจะกําหนดให้ใช้จํานวนสมาชิกของพรรคการเมืองที่ส่งสมัครรับเลือกตั้งเป็นรายบุคคลมาเป็นฐานในการคํานวณมิได
ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายดังกล่าวให้รวมถึงบรรดาเงินหรือทรัพย์สินอื่นใดที่บุคคลใดๆจ่ายหรือรับว่าจะจ่ายแทนหรือนํามาให้ใช้โดยไม่คิดค่าตอบแทนเพื่อประโยชน์ในการหาเสียงเลือกตั้งโดยผู้สมัครหรือพรรคการเมืองนั้นยินยอมหรือไม่คัดค้านในกรณีที่นําทรัพย์สินมาให้ใช้ให้คํานวณตามอัตราค่าเช่าหรือค่าตอบแทนตามปกติในท้องที่นั้นๆทั้งนี้ไม่รวมถึงค่าใช้จ่ายที่คณะกรรมการจัดให้แก่ผู้สมัครทุกคนและพรรคการเมืองทุกพรรคอย่างเท่าเทียมกันต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจํา ทั้งปรับและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี ถ้าบัญชีรายรับและรายจ่ายที่ยื่นตาม มาตรา 67 เป็นเท็จผู้สมัครหรือหัวหน้าพรรคการเมืองต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงห้าปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดสิบปี
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ราชกิจจาประกาศแล้ว! กฎหมายเลือกตั้งส.ส.-ส.ว....