ข่าวกรมฝนหลวงฯตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพิ่ม2หน่วยแก้ฝุ่นพิษเหนือ-อีสาน - kachon.com

กรมฝนหลวงฯตั้งหน่วยเคลื่อนที่เร็วเพิ่ม2หน่วยแก้ฝุ่นพิษเหนือ-อีสาน
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 9 ก.พ. นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า จากข้อมูลของกรมควบคุมมลพิษประจำวันที่ 9 ก.พ.นี้ เวลา 9.00 น. พบว่าในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นเริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละอองในอากาศ PM2.5 และ PM10 ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในวันนี้พบค่า PM2.5 สูงถึง 94 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร อยู่ในเกณฑ์มีผลกระทบต่อสุขภาพ และค่าฝุ่นละออง PM10 ที่ 147 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในเกณฑ์เริ่มส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน นอกจากนี้ในพื้นที่จังหวัดแพร่ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะฝุ่นละออง PM2.5 เกินค่ามาตรฐานอยู่ที่ 79 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรเช่นกัน โดยกรมฝนหลวงฯ ได้ทำการติดตามข้อมูลคุณภาพอากาศของพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานที่ได้รับผลกระทบดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากสภาพอากาศยังไม่เอื้อต่อการปฏิบัติการ อีกทั้งพื้นที่การเกษตรหลายแห่งยังอยู่ในระหว่างการเก็บเกี่ยว กรมฝนหลวงฯ จึงไม่สามารถดำเนินการช่วยเหลือได้ ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับผลกระทบก็ได้มีการประสานขอให้กรมฝนหลวงฯ เข้าไปดำเนินการทำฝนในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบ



นายสุรสีห์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการติดตามสภาพอากาศในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือล่าสุด พบว่าในช่วงวันที่ 10 – 15 ก.พ.นี้ สภาพอากาศมีแนวโน้มเอื้อต่อการปฏิบัติการฝนหลวง ดังนั้นกรมฝนหลวงฯ จึงได้ตัดสินใจตั้งหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็ว จำนวน 2 หน่วย ระหว่างวันที่ 10-15 ก.พ.นี้ ได้แก่ หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดขอนแก่น และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดพิษณุโลก เพื่อช่วยลดปริมาณฝุ่นละอองในอากาศในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น เลย ลำปาง แพร่ ตาก และนครสวรรค์ โดยขอให้ทางผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นและผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ช่วยทำความเข้าใจกับพี่น้องเกษตรกรในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยวผลผลิต และสมาคมชาวไร่อ้อย ถึงความจำเป็นในการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อลดผลกระทบจากปัญหาฝุ่นละออง ทั้งนี้ กรมฝนหลวงฯ จะติดตามวางแผนปฏิบัติการอย่างรัดกุมเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่การเกษตรที่กำลังเก็บเกี่ยวอ้อยอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ตามสำหรับการการตรวจวัดสภาพอากาศประจำวันที่ 9 ก.พ.นี้ เพื่อวางแผนการปฏิบัติการฝนหลวงสลายฝุ่นละอองในอากาศ PM2.5 บริเวณกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จำนวน 3 สถานี ได้แก่ สถานีเรดาร์ฝนหลวงสัตหีบ จังหวัดชลบุรี (สำหรับวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลือบริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล) สถานีเรดาร์ฝนหลวงตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ (สำหรับวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลือบริเวณพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ สระบุรี และอยุธยา) และสถานีเรดาร์โพธาราม จังหวัดราชบุรี (สำหรับวางแผนปฏิบัติการช่วยเหลือบริเวณพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร นครปฐม และราชบุรี) ผลการตรวจอากาศของ สถานีเรดาร์ฝนหลวงสัตหีบ จ.ชลบุรี มีความชื้นที่ระดับการเกิดเมฆ (ระดับการก่อเมฆ) 62 เปอร์เซนต์ ความชื้นที่ระดับการพัฒนาตัวของเมฆ 40 เปอร์เซ็นต์และค่าดัชนีการยกตัวของอากาศ -2.2 ซึ่งความชื้นในระดับบนอยู่ในเกณฑ์ที่มีโอกาสพัฒนาตัวของเมฆได้ค่อนข้างยาก ประกอบกับในช่วงเช้าวันนี้บริเวณพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมีคุณภาพอากาศอยู่ในเกณฑ์ดี หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดระยอง จึงขอติดตามคุณภาพอากาศในบริเวณดังกล่าว หากมีปริมาณค่าฝุ่นละอองที่เกินมาตรฐาน กรมฝนหลวงฯ จะพิจารณาวางแผนขึ้นบินปฏิบัติการต่อไป



สำหรับอีก 2 สถานี คือ สถานีเรดาร์ฝนหลวงตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ และสถานีเรดาร์โพธาราม จังหวัดราชบุรี ความชื้นที่ระดับการเกิดเมฆ (ระดับการก่อเมฆ) 68 เปอร์เซ็นต์ (ตาคลี) 72 เปอร์เซ็นต์(โพธาราม) ความชื้นที่ระดับการพัฒนาตัวของเมฆ 22 เปอร์เซ็นต์ (ตาคลี) 52 เปอร์เซ็นต์ (โพธาราม) และค่าดัชนีการยกตัวของอากาศ -0.9 (ตาคลี) -2.8 (โพธาราม) ซึ่งความชื้นในระดับบนอยู่ในเกณฑ์ที่มีโอกาสพัฒนาตัวของเมฆได้ค่อนข้างยาก กรมฝนหลวงฯ จึงขอติดตามสภาพอากาศในระหว่างวันต่อไป หากสภาพอากาศเหมาะสม หน่วยปฏิบัติการฝนหลวงเคลื่อนที่เร็วจังหวัดนครสวรรค์ จะขึ้นบินปฏิบัติการเพื่อช่วยเหลือบริเวณพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์และสระบุรีทันที เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวยังได้รับผลกระทบจากปริมาณค่าฝุ่นละออง PM10 และ PM2.5 ที่ยังเกินค่ามาตรฐานอยู่อย่างต่อเนื่อง.