ร้องกกต.ยุบพรรคทษช. จี้'ปรีชาพล-กก.บห.พรรค'ลาออก
การเมือง
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า เลขาธิการ กกต.ในฐานะนายทะเบียนพรรคการเมือง ต้องเร่งรวบรวมข้อเท็จจริงเสนอให้คณะกรรมการกกต. มีมติส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพื่อยุบพรรค ทษช. ต่อไป หาก กกต.ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วภายในสัปดาห์นี้ แล้วส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันที การวินิจฉัยก็จะแล้วเสร็จภายใน 30 วัน ทันก่อนการเลือกตั้งแน่นอน แต่หากกกต.ดำเนินการชักช้าหรือปล่อยให้เป็นไปตามปกติพรรค ทษช.ยังมีสิทธิหาเสียงและเข้าสู่การเลือกตั้ง ความวุ่นวายทางการเมืองจะหวนกลับมา หากผลคำวินิจฉัยของศาลออกมาหลังการเลือกตั้ง ส.ส.จะต้องวิ่งไปหาพรรคสังกัดใหม่ให้ได้ภายใน 30 วัน ดังนั้นเมื่อทำให้กระบวนการเลือกนายกฯเดินหน้าต่อไม่ได้ ก็จะทำให้ คสช.ใช้ระยะเวลาในช่วงนั้นอำนาจต่อบริหารประเทศต่อไปอีก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจและการบริหารประเทศ ทั้งนี้ตนยืนยันว่าคนมีสิทธิที่จะยื่นคำร้องให้ กกต.วินิจฉัยยุบพรรค ทษช. เพราะตนเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง และถือเป็นผู้เสียหายหากต้องเลือกพรรค ทษช. โดยบทกำหนดโทษสำหรับ ทษช.มีเพียงการยุบพรรค ตัดสิทธิทางการเมืองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค 10 ปี แต่ไม่มีโทษทางอาญา
“แม้ทษช.จะประกาศว่าไม่ได้ดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เมื่อมีพระราชโองการแล้ว หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคควรแสดงความรับผิดชอบมากกว่าการออกแถลงการณ์น้อมรับพระราชโองการ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างต่อเนื่องและกว้างขวาง หลายคนอาจไม่พอใจเพราะเป็นการดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง หัวหน้าพรรคและกก.บห.ของพรรค ทษช. ควรแสดงสปิริตด้วยการลาออก หากปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ชื่อเสียงของ ทษช.จะถูกตำหนิติเตียนต่อไป แต่ถ้ายอมแสดงสปิริตก็จะช่วยกอบกู้ศักดิ์ศรีของ ทษช.ให้กลับคืนมาได้ ทั้งนี้กรณีสถาบันฯนั้นไม่เคยถูกนำมาใช้หาเสียงในการเลือกตั้ง ประชาธิปไตยตลอด 80 ปีที่ผ่านมาไม่มีพรรคการเมืองใดกล้าดึงสถาบันฯเข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ในหมวดพระมหากษัตริย์ ตามประเพณีของไทยก็ยึดถือให้สถาบันฯเป็นที่เคารพเทิดทูน แต่ยุคนี้กล้าหาญชาญชัย โดยเห็นว่าพระราชโองการได้อรรถาธิบายไว้ได้ชัดเจนแล้ว”นายศรีสุวรรณ กล่าว.