ร.10ทรงรับสั่งแนวทางการทำงานให้ประชาชนมีความสุข-มีทางออก
การเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอยกตัวอย่างเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งท่านทรงรับสั่งในเรื่องของวุฒิการศึกษา เรื่องวิชาการท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ซึ่งคุณวิเศษเหล่านี้จะขอพัฒนาพอสังเขปดังนี้ สำหรับศิษย์ อาจารย์และข้าราชการ 1.เรื่องความสามารถ 2. ความเพียร 3.ความไหวพริบ 4. ความรู้เท่าถึงการณ์ 5.ความซื่อตรงต่อหน้าที่ 6. ความซื่อตรงต่อคนทั่วไป 7.ความรู้จักนิสัยคน 8. ความรู้จักผ่อนผัน 9.ความมีหลักฐาน และ10.ความจงรักภักดี ซึ่งพระราชนิพนธ์เล่มนี้มุ่งเน้นให้สติผู้ที่มีวิชาความรู้หรือการศึกษาสูงว่า ควรต้องมีคุณวิเศษหรือคุณธรรมความดีงามทั้ง 10 ข้อดังกล่าวประกอบกันด้วย จึงจะทำให้เจริญก้าวหน้าและเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมทั้งแนะนำให้ทุกคนไปศึกษาเรียนรู้ได้จากทั้งหนังสือที่เป็นรูปเล่มและหนังสือออนไลน์ และนำไปประยุกต์ใช้จริงในชีวิต
"หนังสือทุกเล่มมีดีหมดจะอ่านมาก อ่านน้อย อ่านตอนพักหรืออ่านก่อนนอนก็จะทำให้จิตใจเราดีขึ้น วันนี้ตนเอาธรรมะมาอ่านหลายเล่ม ทำอย่างไรให้ใจเย็น ทำอย่างไรให้พูดจาดี ยิ้มแย้มแจ่มใส ยิ้มหวาน ๆ อย่างที่เขาต้องการก็อะลุ่มอล่วย แต่ถ้ามากไปก็เกินและผิด วันหน้าพอตึงแล้วก็ดึงกลับมาไม่ได้ แต่วันนี้ก็อะลุ่มอล่วยกันไปหลายอย่าง ทั้งเรื่องป่าและการจรจร ถ้าไม่อะลุ่มอล่วยก็จะเกิดปัญหา นั้นคือหลักการของผู้ปกครองที่ต้องทำให้ได้ทั้ง 10 ข้อที่กล่าวมา ทั้งหมดที่ทำมา ตามตามพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ มีสิ่งดีทั้งหมด แล้วเราจะรู้สึกว่า เราทำพอแล้วหรือยัง แต่ถ้าเราไปอ่านเรื่องอื่นๆ ก็ไม่ได้ใจ เขาเรียกว่าไม่ได้ทำดีต่อใจตัวเอง"นายกฯ กล่าว
จากนั้นนายกฯ ได้เยี่ยมนิทรรศการ ซึ่งช่วงหนึ่งนายกฯ ได้เยี่ยมการจำลองการสื่อสารหอกระจายข่าวผ่านระบบวิทยุคมนาคมแบดิจิทัล ซึ่งมีนายบุญส่ง มาตขาว ปราชญ์ชาวบ้าน ด้านเกษตรอินทรีย์ จ.ยโสธร มาจัดรายการ โดยนายบุญส่ง ได้จัดรายการ เล่าถึงการทำเกษตรอินทรีย์ ว่าเป็นเรื่องที่ทำยาก แต่ทำได้ ซึ่งมีดีหลายอย่างเพื่อตัวเองและผู้บริโภค และเกษตรอินทรีย์ ไม่ได้ทำลายสิ่งแวดล้อมและเคารพธรรมชาติ โดยนายกฯ ได้แนะนำว่า การเป็นเกษตรอินทรีย์ยากง่ายแค่ไหน พื้นฐานคือเกษตรดังเดิม วันนี้โลกเปลี่ยนแล้วผู้บริโภคให้ความสำคัญเรื่องอาหาร ความปลอดภัย การปรับเปลี่ยนจากดังเดิมไปสู่อินทรีย์อย่างเดียวทำได้ยาก จึงต้องมีการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดีสำหรับพืชหรือ จีเอพี เข้ามาเพื่อควบคุม ซึ่งบางคนบอกว่าขายไม่ดีแล้วปรับมาทำเดิมก็จะความเสียหาย ซึ่งนายบุญส่ง ได้กล่าวตอบกลับนายกฯ ว่า วิธีการที่จะปรับเปลี่ยนการเกษตรต้องเริ่มจากความเชื่อ ความศรัทธาในระบบอินทรีย์
ทั้งนี้นายกฯ ได้ถามว่า ทำอย่างไรราคาข้าวจะราคาสูงขึ้นกว่าเดิม นายบุญส่ง กล่าวว่า เรื่องราคาข้าวขึ้นอยู่กับตลาด การจะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้นอยู่ที่กลไกขับเคลื่อนระดับประเทศ ซึ่งเรื่องการตลาดเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์และผู้ผลิต หากผลิตได้คุณภาพก็สามารถแข่งขันได้ ซึ่งนายกฯ ได้ถามต่อว่า การที่จะไปแข่งขันกับต่างประเทศต้องทำอย่างไร นายบุญส่ง กล่าวว่า ถ้าจะแข่งกับเวียดนามต้องแข่งเรื่องคุณภาพ เอาปริมาณไปแข่งด้วยไม่ได้ ซึ่งนายกฯ ได้แนะนำว่า จะต้องแข่งในเรื่องของต้นทุนการผลิต ถ้าต้นทุนสูงแล้วขายในราคาที่สูง อย่างไรก็แข่งกับเขาไม่ได้ ฉะนั้นต้องผลิตให้มีปริมาณที่พอดี และลดต้นทุน
อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่นายกฯ โต้ตอบกับนายบุญส่งนั้น นายกฯ ยิ้มอย่างอารมณ์ตลอดเวลา ซึ่งเมื่อนายบุญส่งพูดถูกใจนายกฯ ก็จะชูนิ้วโป้งและพูดว่า “เยี่ยม” รวมถึงจับกับมือด้วย ทั้งนี้เมื่อนายกฯ ไปเยี่ยมชมบูธกิจกรรมอื่นก็ได้กลับมาให้นายบุญส่ง พูดเป็นภาษาอิสานในเรื่องเกษตรอินทรีย์ พอนายบุญส่ง พูดจบ นายกฯ ก็ได้ถามว่ารมว.เกษตรและสหกรณ์อยู่ไหม เอาคนนี้ไปเป็นปลัดกระทรวงเลย.