ทษช.ถกฝ่ายกฎหมายเตรียมพยานบุคคลระดับสูง
การเมือง
Webmaster
2019-02-13 11:17:00
21
Webmaster
2019-02-13 11:17:00
21
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่พรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรค พร้อมด้วยนายฤภพ ชินวัตร รองหัวหน้าพรรค นายต้น ณ ระนอง รองเลขาธิการพรรค และน.ส.ชยิกา วงศ์นภาจันทร์ นายทะเบียนพรรค ได้เดินทางเข้ามาประชุมที่พรรค ซึ่งระหว่างเดินเข้าพรรคมีวัยรุ่นชายเดินมามอบดอกกุหลาบสีชมพู พร้อมจับมือให้กำลังใจทั้งหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรค
โดย ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า จากกระแสข่าวที่กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)พิจารณาการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติอย่างรวดเร็วนั้นพวกเรามีความกังวลใจ แต่ก็ต้องให้ฝ่ายกฎหมาย และฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการไป ทั้งนี้ความเป็นจริงตามมาตรา 93 ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง กกต.ต้องมีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน และเป็นหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาที่จะต้องชี้แจงเหตุผล ตลอดจนข้อกฎหมาย และพยานต่างๆซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสู้คดี แต่ปรากฎว่ายังไม่มีการให้เราไปชี้แจงแต่อย่างใด ซึ่งเราคิดว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญที่เราจะต้องมีสิทธิในการแสดงพยานหลักฐานต่อหน่วยงานงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า จะมีการเตรียมพยานบุคคล และจะมีพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ด้วยหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องปรึกษากับทางฝ่ายกฎหมายก่อนเพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน หากได้ข้อสรุปอย่างไรจะชี้แจงต่อไป
สำหรับวันนี้ก็ได้มีการเชิญคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะกรรมการสรรหา รวมถึงกรรมการยุทธศาสตร์ พร้อมแกนนำของพรรคบางส่วนมาหารือเพื่อวางแผนการเดินหน้าการหาเสียงต่อไป
ด้านนาย พิชิต ชื่นบาน ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณีการเตรียมพยานหลักฐานที่จะขอยื่นกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า เราเตรียมทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร โดยฝ่ายกฏหมายของพรรคไทยรักษาชาติ ได้ไปยื่นหนังสือกับทางกกต. และกกต.ก็ได้รับเรื่องเรียบร้อยแล้ว เราขอโอกาสให้ฟังความทุกฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในหลักนิติรัฐ นิติธรรม และหลักสากล การร้องให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ก็คือการประหารชีวิตพรรค ดังนั้นจึงขอวิงวอนต่อกกต. ตามบทบัญญัติรัฐธรรมมนูญ มาตรา 3 วรรค 2 ว่าการใช้อำนาจรัฐต้องยึดหลักนิติธรรม
เมื่อถามว่าหากที่สุดแล้ว กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาติ เราจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป นายพิชิต กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายได้เตรียมการพร้อมหมดแล้ว เราจะใช้สิทธิตามกฏหมายที่พึงมีในทุกๆศาล ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช้การท้าทาย แต่เป็นการวิงวอนขอความเป็นธรรม ให้พรรคไทยรักษาชาติมีโอกาส อย่างไรก็ตาม ตามหลักการฟังความทุกฝ่าย ตนยืนยันว่า กกต. ทั้ง 7 คน ทราบดี และเป็นไปไม่ได้ที่จะประหารชีวิตพรรคการเมือง หรือยุบพรรคการเมือง แล้วไม่ฟังความอีกฝ่ายเลย.
โดย ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า จากกระแสข่าวที่กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)พิจารณาการส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้พิจารณายุบพรรคไทยรักษาชาติอย่างรวดเร็วนั้นพวกเรามีความกังวลใจ แต่ก็ต้องให้ฝ่ายกฎหมาย และฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการไป ทั้งนี้ความเป็นจริงตามมาตรา 93 ของพ.ร.ป.พรรคการเมือง กกต.ต้องมีหน้าที่ในการรวบรวมพยานหลักฐาน และเป็นหน้าที่ของผู้ถูกกล่าวหาที่จะต้องชี้แจงเหตุผล ตลอดจนข้อกฎหมาย และพยานต่างๆซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการสู้คดี แต่ปรากฎว่ายังไม่มีการให้เราไปชี้แจงแต่อย่างใด ซึ่งเราคิดว่าเป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญที่เราจะต้องมีสิทธิในการแสดงพยานหลักฐานต่อหน่วยงานงานที่เกี่ยวข้อง
เมื่อถามว่า จะมีการเตรียมพยานบุคคล และจะมีพระนามของทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนฯ ด้วยหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า เรื่องนี้จะต้องปรึกษากับทางฝ่ายกฎหมายก่อนเพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน หากได้ข้อสรุปอย่างไรจะชี้แจงต่อไป
สำหรับวันนี้ก็ได้มีการเชิญคณะกรรมการบริหารพรรค และคณะกรรมการสรรหา รวมถึงกรรมการยุทธศาสตร์ พร้อมแกนนำของพรรคบางส่วนมาหารือเพื่อวางแผนการเดินหน้าการหาเสียงต่อไป
ด้านนาย พิชิต ชื่นบาน ประธานที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณีการเตรียมพยานหลักฐานที่จะขอยื่นกับทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า เราเตรียมทั้งพยานบุคคลและพยานเอกสาร โดยฝ่ายกฏหมายของพรรคไทยรักษาชาติ ได้ไปยื่นหนังสือกับทางกกต. และกกต.ก็ได้รับเรื่องเรียบร้อยแล้ว เราขอโอกาสให้ฟังความทุกฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญในหลักนิติรัฐ นิติธรรม และหลักสากล การร้องให้ยุบพรรคไทยรักษาชาติ ก็คือการประหารชีวิตพรรค ดังนั้นจึงขอวิงวอนต่อกกต. ตามบทบัญญัติรัฐธรรมมนูญ มาตรา 3 วรรค 2 ว่าการใช้อำนาจรัฐต้องยึดหลักนิติธรรม
เมื่อถามว่าหากที่สุดแล้ว กกต.ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักษาชาติ เราจะเดินหน้าอย่างไรต่อไป นายพิชิต กล่าวว่า ฝ่ายกฎหมายได้เตรียมการพร้อมหมดแล้ว เราจะใช้สิทธิตามกฏหมายที่พึงมีในทุกๆศาล ซึ่งกรณีนี้ไม่ใช้การท้าทาย แต่เป็นการวิงวอนขอความเป็นธรรม ให้พรรคไทยรักษาชาติมีโอกาส อย่างไรก็ตาม ตามหลักการฟังความทุกฝ่าย ตนยืนยันว่า กกต. ทั้ง 7 คน ทราบดี และเป็นไปไม่ได้ที่จะประหารชีวิตพรรคการเมือง หรือยุบพรรคการเมือง แล้วไม่ฟังความอีกฝ่ายเลย.
