ข่าวภท.ปลื้ม'กัญชาเสรี'เรตติ้งพุ่ง! โชว์ติด#อย่าก๊อบGU - kachon.com

เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่พรรคภูมิใจไทย พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย(ภท.) และนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวถึงนโยบายพรรคภูมิใจไทย ว่า ขณะนี้นโยบายต่างๆของพรรคได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี  โดยเฉพาะนโยบายกัญชาเสรีที่หลายหน่วยงานได้เริ่มนำไปปฏิบัติตาม เช่น ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ได้เตรียมยกร่างกฎหมายนิรโทษกรรมผู้ครอบครองกัญชา และร่างกฎหมายการผลิต การปลูก การวิจัย การจำหน่าย และการผลิตส่งออก ซึ่งพรรคขอขอบคุณที่หน่วยงานดังกล่าวเห็นประโยชน์ และนำแนวทางของพรรคที่ริเริ่มมาแต่ต้นไปปฏิบัติตาม และยืนยันว่าหากพรรคได้เป็นรัฐบาล จะปรับปรุงกฎหมายที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ เพื่อให้ประชาชนสามารถปลูกกัญชาได้อย่างเสรีและมีรายได้ โดยปลูกได้ 6 ต้นต่อครัวเรือน สร้างรายได้ 420,000 บาทต่อปี 

ส่วนข้อสงสัยว่าเหตุใดป้ายหาเสียงของพรรคมีแต่นโยบายกัญชาเสรี ไม่นำเสนอประเด็นอื่น ขอชี้แจงว่า พรรคจะนำเสนอนโยบายที่สอดคล้องกับภูมิภาค อาทิ ภาคใต้ เราจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดชายแดนภาคใต้(SEC) นโยบายคืนกำไรให้ชาวสวนปาล์ม ขณะที่ภาคเหนือและภาคอีสาน จะเน้นเรื่องการแบ่งปันผลกำไรให้ชาวนาและเกษตรกร ให้มีส่วนแบ่ง ร้อยละ 75ส่วนกรุงเทพมหานครและเมืองท่องเที่ยว เราเน้นเรื่องแก้กฎหมายให้แกร็บคาร์และแอร์บีเอ็นบีเป็นเรื่องถูกกฎหมาย เพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน ทั้งนี้ ขอยืนยันว่า พรรคจะเดินหน้าทำงานการเมืองเชิงนโยบาย จะไม่สร้างความขัดแย้งในประเทศ เพราะวันนี้ยอมรับแล้วว่า ประชาชนอาจจะชอบฟังความขัดแย้ง แต่จะเลือกพรรคที่เสนอนโยบายที่ดี และยืนยันว่า นโยบายต่างๆทั้ง 12 ด้าน อ้างอิงจากหลักวิชาการ ศึกษาต้นแบบจากหลายประเทศ และพรรคมีทีมยุทธศาสตร์ที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน จึงเชื่อว่าหากได้เป็นรัฐบาล นโยบายทั้งหมดนี้จะเป็นความจริง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน 

นายศุภชัย  กล่าวเสริมว่า ขอขอบคุณรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆที่ให้ความสนใจนโยบายกัญชา โดยขณะนี้มีประมาณ 8 พรรคการเมืองที่พูดเรื่องกัญชาในแนวทางเดียวกันกับเรา ซึ่งเรายินดี แต่ยืนยันว่าเรื่องกัญชานั้นเราคิดมานานและคิดก่อนคนอื่น แสดงให้เห็นว่านโยบายของเราเป็นสิ่งที่ดี การที่รัฐบาลจะนำไปใช้ ทั้งเรื่องการแพทย์ และเศรษฐกิจเพื่อแก้ปัญหาปากท้องประชาชน นั่นคือเป้าหมายของเรา เมื่อถามว่า ขณะนี้รัฐบาลเริ่มขับเคลื่อนเรื่องกัญชาให้มีการเปิดกว้างมากขึ้น รวมถึงมีบางหน่วยงานเริ่มให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ พรรคภท.จะสร้างความแตกต่างอย่างไร 

“ผมอยากถามกลับว่า รัฐบาลทำอะไรที่แตกต่างจากภูมิใจไทยบ้าง และขอนำคำจากเพจคนภูมิใจไทยที่เคยติดแฮชแท็ก #ห้ามก๊อบGU” นายศุภชัย กล่าว

เมื่อถามถึง ความกังวลของสังคมที่ยังเข้าใจว่ากัญชาเป็นสิ่งเสพติดผิดกฎหมาย นายศุภชัย กล่าวว่า พรรคได้ให้ผู้สมัครส.ส.ทั้ง 350 เขตไปชี้แจงว่า ขณะนี้แนวคิดได้เปลี่ยนไปแล้ว ขอให้ประชาชนเปิดใจรับฟัง เพราะกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ และสามารถนำมารักษาโรคมะเร็ง พาร์กินสัน และลมชักได้ ขณะเดียวกัน พรรคภูมิใจไทยมีร่างกฎหมายที่เกี่ยวกับการป้องกันการนำกัญชาไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ โดยมีบทลงโทษที่รุนแรง เชื่อว่าจะป้องกันเยาวชนไม่ให้นำไปใช้ในทางที่ผิดได้แน่นอน 
 
พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ โฆษกพรรคภูมิใจไทย(ภท.) และนายศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนสมาชิกพรรคภท. กล่าวถึงกระแสยุบพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) ในช่วงใกล้การเลือกตั้ง 

โดย พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวว่า พรรคเน้นแต่เรื่องนโยบาย จะไม่สร้างปัญหาใดๆ และเรื่องนี้เป็นเรื่องภายในของพรรคไทยรักษาชาติ ซึ่งเราไม่เกี่ยวข้อง จึงไม่อยากวิจารณ์ ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ  ส่วนที่มีการมองว่าพรรคภูมิใจไทยตั้งความหวังสูง จะเป็นแกนนำรัฐบาล เรายืนยันว่าพรรคมีความพร้อม และการเลือกตั้งเปรียบเสมือนการแข่งขัน ไม่มีใครแข่งขันเพื่อลงไปแพ้ อีกทั้งเมื่อตนได้เห็นนโยบายของพรรค ก็ยิ่งมั่นใจว่าพรรคจะได้รับการตอบรับจากประชาชน ซึ่งคนปรามาสเรา ก็ว่ากันไป เพราะการฝันและลงมือทำ ยังมีโอกาสที่จะเป็นจริง ดีกว่าคนไม่ทำอะไรเลย 


เมื่อถามถึง กระแสเรียกร้องให้มีการดีเบต พรรคพร้อมจะเข้าร่วมหรือไม่ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า หากเป็นการพูดเพื่อสร้างความขัดแย้ง พรรคเราไม่สนับสนุน แต่ถ้าเป็นการพูดเรื่องนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน พรรคพร้อมเข้าร่วม เมื่อถามว่า มีการโจมตีว่าพรรคว่าเก็บบัตรประชาชนใน 2 จังหวัดภาคใต้ เพื่อหวังผลต่อการเลือกตั้ง โฆษกพรรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขอปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ที่ผ่านมามีแต่การพูดถึงแต่ไม่มีหลักฐาน จึงฝากไปถึงคนที่โจมตีให้หยุดการกระทำเหล่านี้ ซึ่งไม่มีผลดีต่อการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ในช่วงท้ายของการแถลงข่าวนายศุภชัย  ได้เรียกร้องไปยังคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ให้ลงมาทำงานเชิงรุก เอาจริงเอาจังในการตรวจสอบในจังหวัดแห่งหนึ่งทางภาคใต้ เนื่องจากมีรายงานว่ามีผู้มีอำนาจรัฐเรียกเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อให้ช่วยสนับสนุนพรรคการเมืองหนึ่ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม เพราะลำพังกกต.นั่งรับเรื่องที่อยู่ที่สำนักงานหรือรับสายโทรศัพท์ร้องเรียนเพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไป.