ข่าวอย.เร่งร่างก.ม.กัญชา-นิรโทษผู้ป่วยครอบครอง - kachon.com

อย.เร่งร่างก.ม.กัญชา-นิรโทษผู้ป่วยครอบครอง
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงการเตรียมออกอนุบัญญัติเกี่ยวกับกัญชาทางการแพทย์ เพื่อรองรับร่าง พ.ร.บ. ยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ... ว่า จะมีประกาศ 2 ฉบับ และกฎกระทรวงอีก 1 ฉบับ โดยในประกาศ 2 ที่เกี่ยวกับการนิรโทษ หลักการคือการให้คนที่ครอบครองกัญชาก่อนหน้าที่จะมีกฎหมายประกาศใช้ ได้มาแจ้งการครอบครองภายใน 90 วัน หากดำเนินการตามนี้จะไม่ต้องรับโทษ โดยจะแบ่งเป็น 2 ชุด ชุดที่ 1 จะเป็นหน่วยงานที่มีการครอบครองเพื่อทำการวิจัย ส่วนชุดที่ 2 จะครอบคลุมผู้ป่วยใช้ยา ที่ต้องมีใบรับรองแพทย์ ซึ่งผู้ป่วยก็จะได้รับการดูแลจากแพทย์แผนปัจจุบันหรือแพทย์แผนไทยในการสั่งยาจากกัญชาเพื่อดูแล โดยไม่ต้องไปหาซื้อจากนอกระบบ อย่างไรก็ตาม หากไม่มาแจ้ง ก็จะถือว่ามีความผิดฐานครอบครองยาเสพติด ทั้งนี้กฎหมายลูกจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษในวันที่ 14 ก.พ.นี้

นพ.ธเรศ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีประกาศฉบับอื่นๆ ที่เร่งดำเนินการอีก เช่น ประกาศตำรับยาจากกัญชา ซึ่งกรมการแพทย์และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกำลังพิจารณา และอยู่ระหว่างศึกษาวิธีการเขียนประกาศว่าจะให้แพทย์แผนปัจจุบันกับแพทย์แผนไทยอยู่ในประกาศฉบับเดียวกันหรือไม่ ส่วนอีกฉบับจะเป็นประกาศประเภทแพทย์แผนไทย ที่ระบุประเภทของแพทย์แผนไทยที่สามารถใช้กัญชาได้ นอกนั้นเป็นประกาศเกี่ยวกับระบบ ขั้นตอนการทำงานต่างๆ ซึ่งเคยทำกับยาเสพติดทางการแพทย์อื่นๆ อย่างมอร์ฟีนมาแล้ว อย่างไรก็ตามการออกอนุบัญญัติเหล่านี้เพื่อให้ดำเนินการตามกฎหมายได้ แต่หากยังมีอุปสรรคอะไรก็อาจออกแนวทางเพิ่มเติมได้  

เมื่อถามว่าผู้ป่วยที่มาแจ้งครอบครองกัญชา ต้องเป็นผู้ป่วยโรคตามที่กำหนดหรือไม่  นพ.ธเรศ กล่าวว่า ขณะนี้กลุ่มโรคเป็นไปตามที่หารือกับกรมการแพทย์ คือ กลุ่มแรก มี 4 โรคชัดเจนที่สามารถใช้ได้ กลุ่มสอง คือ น่าจะมีประโยชน์ และอีกกลุ่มทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น ซึ่งคิดว่า 2 กลุ่มนี้ที่อาจเปิดกว้าง แต่ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้ประกอบวิชาชีพ อย่างมะเร็งระยะสุดท้าย ที่ช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น แต่ไม่ได้รักษามะเร็ง ทั้งนี้ได้ประสานกรมการแพทย์ให้ประมาณการณ์จำนวนผู้ป่วยและปริมาณที่ต้องการใช้กัญชาในการบำบัดรักษาโรค เพราะประเทศไทยอยู่ใต้สนธิสัญญา ดังนั้น โควตาการผลิตต้องแจ้งให้องค์การควบคุมยาเสพติดระดับโลก ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศออสเตรียรับทราบด้วย.