ทษช.เตรียมร้องขอความเมตตา จากศาลรธน.ขอใช้สิทธิชี้แจง
การเมือง
เมื่อถามถึงการเดินหน้าหาเสียงหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า ขณะนี้ทีมหาเสียงของเราที่แบ่งเป็น 7 ทีมยังลงพื้นที่อยู่อย่างต่อเนื่อง และผู้ประสานของพรรคก็ประสานงานกับส.ส. โดยตลอด ส่วนแกนนำพรรคในส่วนกลางจะพิจาณาเรื่องการลงพื้นที่ในอาทิตย์หน้า เพราะอาทิตย์นี้รู้สึกว่า ทุกอย่างชุลมุนพอสมควรจึงต้องโฟกัสในเรื่องของคดี และการจัดการในส่วนกลางก่อน ทั้งนี้ยืนยันว่าพรรคต้องเดินหน้าต่อ เพราะเราเป็นความหวังของผู้สมัคร และประชาชน ซึ่งเราประกาศตัวชัดเจนว่าเราพร้อมลงสนามเลือกตั้ง และตั้งแต่มีพรรคมาเราก็ทำกิจกรรมมาตลอด โดยสิ่งที่เกิดขึ้นไม่มีใครอยากให้เกิด ยืนยันเราตั้งใจดี ไม่มีใครปรารถนาร้าย ขอยืนยันคำเดินว่าเราบริสุทธิ์ใจ
เมื่อถามว่า มีแผนสำรองหากพรรคถูกยุบหรือไม่ ร.ท.ปรีชาพล กล่าวว่า มันคงเร็วเกินไปที่จะไปพูดในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการก่อน หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที ณ วันนี้ เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับสมาชิก และผู้สมัครว่าเรายังเดินหน้าต่อ เพราะความสิ้นสุดของพรรคการเมืองจะมีต่อเมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลออกมา เราจึงต้องเป็นหลักให้สมาชิก และผู้ให้การสนับสนุน
ด้านนายพิชิต กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ ว่า ความสิ้นสุดของพรรคการเมืองจะสิ้นสุดต่อเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยสิ่งที่กกต.กล่าวหา แต่การที่กกต.ตั้งข้อกล่าวหาโดยที่พรรคไม่มีสิทธิแม้แต่รับทราบข้อกล่าวหา ไม่มีโอกาสแสดงข้อเท็จจริง พยานหลักฐานใดๆ จึงถือว่าชั้นสอบสวนเราไม่มีโอกาสเลย เมื่อตอนนี้เรื่องไปอยู่ในกระบวนการของศาล เพราะศาลรัฐธรรมนูยรับคำร้องของ กกต. แล้ว ฝ่ายกฎหมายของพรรคจะไปยื่นคำร้องขอความเมตตาต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีโอกาสได้รับทราบข้อกล่าวหาตามกระบวนการที่กฎหมายกำหนด ขอให้พรรคทษชง มีโอกาสแก้ข้อกล่าวหา อ้างพยานหลักฐาน เพื่อพิสูจน์ว่าเราไม่ได้กระทำผิด ทั้งนี้ วันนี้พรรคทษช. มีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งสมาชิก ทั้งสาขา หลายฝ่ายสอบถามเข้ามาเรื่องความกังวล การจะสิ้นสุดสภาพของพรรคการเมืองจึงต้องขอความเมตตาต่อศาลรัฐธรรมนุญให้กระบวนการพิจารณาเป็นไปโดยถูกต้อง และเที่ยวธรรมตามที่กฎหมายกำหนด ส่วนการยื่นพยานหลักฐานจะเป็นอย่างไรนั้น เราขอโอกาสเห็นข้อกล่าวหาก่อน เราจะได้รู้ประเด็นข้อกล่าวหาก่อน เวลานี้จึงยังบอกไม่ได้ว่าจะยื่นพยานอย่างไร
“เรามั่นใจในกระบวนการยุติธรรม เพราะศาลรัฐธรรมนูญถือเป็นองค์กรสูงสุดที่ทุกองค์กรต้องปฏิบัติตาม เมื่อเราเป็นคู่กรณี ตามหลักนิติธรรม คู่กรณีควรมีโอกาสในการแก้ข้อกล่าวหา เราเสียใจที่ชั้นสอบสวนไม่มีโอกาสแม้แต่จะทราบข้อกล่าวหา ทุกอย่างมันรวดเร็วมาก และในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ กกต. จะมีการประกาศรับรองผู้สมัครส.ส. จึงตั้งข้อสังเกตว่า กกต. คิดอะไร” นายพิชิต กล่าว
ทั้งนี้ พบว่าขณะนี้ได้เกิดแฮชแท็ก #saveไทยรักษาชาติ ขึ้นบนโลกโซเชียลด้วย.