'อ๋อย-เต้น'ลั่นงดปราศรัยหาเสียง ยันไม่ลอยแพพรรค
การเมือง
จากนั้นเวลาทั้งหมดได้ร่วมกันนั่งแถลงข่าว โดยนายจาตุรนต์ กล่าวว่า ที่มาหารือวันนี้เรามาในฐานะสมาชิกพรรค ทุกคนยังเป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ยังมีหน้าที่ต่างๆอยู่ และที่ถามกันว่าวันนี้พวกตนเข้ามาพรรคทำไมนั้น เมื่อพรรคกำลังเผชิญปัญหาเราต้องมาร่วมกันคิดเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเต็มความสามารถที่สุด เราได้ติดตามสถานการณ์โดยตลอดตั้งแต่มีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในนามพรรคด้วยความห่วงใยมาตลอด จากการรับฟังการแถลงของกรรมการบริหารหลายครั้งหลังวันที่ 8 ก.พ. เห็นว่าทุกคนมีเจตนาดี ทำทุกอย่างด้วยความบริสุทธิ์ใจ เมื่อสถานการณ์มาถึงขั้นที่ศาลกำลังจะพิจารณาว่าจะรับเรื่องยุบพรรคทษช.หรือไม่นั้น และดูจากข้อกล่าวหาที่บอกเป็นปรปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เมื่อเรื่องกำลังจะเข้าสู่การพิจารณาของศาล เราจึงต้องรอการพิจารณาของศาลก่อน ดังนั้นการรณรงค์หาเสียงและการปราศรัยรวมถึงการจัดกิจกรรมพบปะประชาชนจำนวนมากเราจะงดกิจกรรมเหล่านี้ไว้ก่อน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแทรกซ้อน ส่วนการดำเนินการในชั้นศาลหากเรามีช่องทางใดที่จะช่วยได้ยืนยันว่าเราพร้อมช่วยและเต็มใจร่วมแก้ปัญหาของพรรคไปถึงที่สุด
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ยืนยันเรามีความผูกพันกับพรรค อยากให้พรรคเดินหน้าแก้ไขปัญหาประเทศปัญหาเศรษฐกิจและผลักดันประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่เรายืนยันว่าเราตั้งใจให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมืองและประชาชน
ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ในส่วนของผู้สมัครส.ส.ของพรรคที่ลงสมัคร 100 กว่าเขต ยังคงมีสถานะเป็นผู้สมัคร มีพันธะผูกพันต้องทำงานให้กับประชาชน ก็ต้องเดินหน้าพบปะประชาชนต่อไป เพียงแต่ทีมรณรงค์หาเสียงจากส่วนกลางจะยุติภารกิจเพื่อรอให้สถานการณ์เดินไปจนได้ข้อสรุปจากศาลรัฐธรรมนูญก่อน เพราะเราอยากให้ทางพรรคมีสมาธิในเรื่องคดีความ
เมื่อถามว่า จากกรณีนี้นายณัฐวุฒิ และนายจาตุรนต์ จะยังอยู่ในตำแหน่งประธานรณรงค์หาเสียง และประธานยุทธศาตร์พรรคอยู่ใช่หรือไม่ นาณัฐวุฒิ กล่าวว่า ตนเป็นสมาชิกพรรคทษช. ที่เดินเข้ามาก็บอกกล่าวกับพี่น้องประชาชนว่าภาระกิจของเราเพื่อคือเพื่อนำพาบ้านเมืองกลับสู่ประชาธิปไตย และเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้กับประชาชน ดังนั้น ภาระกิจนี้ยังคงอยู่ไม่ว่าตนจะอยู่ในบทบาทหน้าที่ใดก็ตาม ตนจะขอยืนหยัดอยู่กับพรรคจนกว่าสถานการณ์จะได้ข้อยุติ ไม่ว่าจะในทางใดก็ตามสถานะความเป็นความสมาชิกพรรค ตนไม่สามารถที่จะทิ้งไปได้
เมื่อถามว่า การหยุดรณรงค์หาเสียงจะกระทบต่อความนิยมของพรรคหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขณะนี้เราดูเรื่องความเหมาะสมของสถานการณ์ ถ้าดูจากข้อกล่าวหา และประเด็นที่เกี่ยวข้องเป็นเรื่องละเอียดอ่อน การดำเนินการในลักษณะที่ต้องปราศรัยพบกับคนจำนวนมากไม่น่าจะเป็นผลดี และเราน่าจะต้องให้ความสำคัญกับการเตรียมการชี้แจงในกระบวนการ และขั้นตอนในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ ตนเชื่อว่า สิ่งที่พรรคทษช.ได้ชี้แจง และรณรงค์กับประชาชนตลอดช่วงที่ผ่านมาก็น่าจะเป็นความเข้าใจต่อประชาชน การจะหยุดพักการจัดชุมนุมปราศรัยไม่น่าจะเสียหายอะไร ขณะนี้ต้องแก้ปัญหาให้ตรงกับปัญหาก่อน และในระหว่างนี้เราจะเลือกใช้วิธีชี้แจง และแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ในกระบวนการยุติธรรม แม้จะไม่ใช่ศาลปกติ การพูดคุยชี้แจงกับประชาชนจะเกิดขึ้นหลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีข้อยุติตัดสินแล้ว เราจะไม่ใช้วิธีชี้แจงกับประชาชนระหว่างการพิจารณา
เมื่อถามว่า เมื่อไม่ได้ไปร่วมยื่นชื่อแคนดิเดตนายกฯกับพรรคในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จะไปช่วยชี้แจงเรื่องนี้อย่างไร นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าตนจะไปในสถานะไหน รวมถึงการได้รับเชิญให้ไปชี้แจงด้วยหรือไม่ แต่จะชี้แจงเท่าที่ทำได้ให้เต็มความสามารถ เช่น การได้รับการหารือ หรือพูดคุยกับกรรมการพรรคหลายท่านหลังวันที่ 8 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทราบว่าหลายท่านเจตนาดี มีความบริสุทธิ์ใจที่จะทำในสิ่งที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ซึ่งตรงกันกับที่กรรมการบริหารพรรคได้ชี้แจงกับประชาชนไปแล้ว ส่วนอื่นๆเรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะ เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นส่วนที่ตนไม่สามารถชี้แจงได้ ทั้งนี้ การประกาศยุติการปราศรัยเวทีใหญ่นั้นไม่ใช่มติของพรรค แต่เป็นมติของผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องนี้
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่าตั้งแต่เกิดเรื่อง นายจาตุรนต์ และนายณัฐวุฒิหายตัวไปจากพรรคเลย สะท้อนถึงการเกิดรอยร้าวในพรรคหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่มีรอยร้าวอะไร เมื่อเกิดเรื่องขึ้นเรามีการติดตามสถานการณ์ มีความห่วงใย การตัดสินใจต่างๆหลังจากนั้นเข้าใจว่าเป็นอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรคโดยตรง รวมถึงการหาทนาย และผู้ที่จะมาชี้แจง ซึ่งส่วนนี้ก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการบริหารพรรค มาถึงวันนี้มาเพื่อร่วมแก้ปัญหา สิ่งที่เราได้ชี้แจงไปคือการร่วมช่วยในการแก้ปัญหา และยืนยันว่าเราพร้อมที่จะร่วมแก้ปัญหาไปจนถึงที่สุด
เมื่อถามว่า เสียใจไหมที่ตัดสินใจมาอยู่พรรคทษช. นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สิ่งที่เดินหน้ามาวันนี้มีเจตนาเดียวคือนำพาบ้านเมืองกลับสู่แนวทางประชาธิปไตย สิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้วตนไม่สามารถย้อนกลับไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ เพราะมีที่มาและเหตุผลของมันอยู่แล้ว ขณะที่นายจาตุรนต์ กล่าวว่า สิ่งที่เราดำเนินการมาเป็นไปตามที่เราตั้งใจ และได้ประกาศไว้ทุกอย่าง อย่างเต็มความสามารถ และได้รับความเข้าใจจากประชาชนที่เห็นด้วย และเข้าร่วมกับเรา ไม่มีอะไรที่รู้สึกเสียดาย ทั้งนี้ เมื่อเรื่องไปถึงศาลแล้วเราจะไม่แสดงความคิดเห็นนอกศาล ส่วนการแสดงความคิดเห็นอื่นๆที่เห็นว่าจำเป็นจะยังดำเนินต่อไป
เมื่อถามว่า เป็นการลอยแพพรรคหรือไม่ นายจาตุรนต์ กล่าวติดตลกว่า ไม่ได้เป็นการลอยแพ และไม่ใช่การมาพรรคครั้งสุดท้าย
ทั้งนี้ หลังจากการแถลงข่าวเสร็จสิ้นทุกคนที่ร่วมแถลงก็เดินทางออกจากพรรคทันที.