'กฤษฏา'ชงแผนเกษตรปลอดภัย เลิกใช้3สารพิษภายในปี62
การเมือง
“จะเร่งพัฒนาการทำเกษตร เป็นเกษตรปลอดภัยและเกษตรอินทรีย์ โดยยก จ.ยโสธร เป็นต้นแบบเพราะปัจจุบันพื้นทีเกษตรเป็นเกษตรอินทรีย์ทั้งจังหวัด จากนี้ภายในสองปี หน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯจะจูงใจเกษตรกร และกลุ่มเกษตรกร เข้ามาทำเกษตรปลอดภัย ปล่อยเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ และหาตลาดเข้ามารองรับสินค้าให้เลย ทั้งนี้หากให้เลิกใช้สารเคมีใน1ปี ยังกังวลว่าจะมีผลกระทบเกิดขึ้นกับเกษตรกรจำนวนมาก และการเผาซากพืชจะมีมากขึ้นเพราะใช้ยาปราบศัตรูพืชไม่ได้ จึงได้มีข้อเสนอต่อคณะกรรมการฯใช้เวลาปรับวิธีปฏิบัติทำเกษตรปลอดภัยทั่วประเทศ ใน 2ปี ผมยืนยันจะทำให้เห็นเป็นแผนงานชัดเจนและทำได้ผลเป็นรูปธรรม ซึ่งรู้ว่าจะต้องโดนกระแสโจมตีจากกลุ่มที่ต้องการให้ยกเลิก แต่หากให้เลิกภายใน1ปีก็สามารถทำได้และถ้ามีผลกระทบเกิดขึ้นกับเกษตรกร อย่ามาต่อว่ากระทรวงเกษตรฯ”นายกฤษฏา กล่าว
ปัจจุบันมีกลุ่มองค์กรต่าง ๆ เรียกร้องต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ให้ยกเลิกการใช้สารทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวในการทำเกษตรกรรม ประกอบกับประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้มีความเห็นให้มีการยกเลิกการใช้สารพาราควอตด้วย นั้นกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยรมว.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมทั้งรมช.เกษตรและสหกรณ์ทั้ง 2 ท่าน รวมทั้งปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กรมส่งเสริมการเกษตร กรมปศุสัตว์ กรมประมง กรมพัฒนาที่ดิน และเลขาธิการสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับการใช้วัตถุอันตรายทั้ง 3 ชนิดดังกล่าว และได้มีความเห็นร่วมกัน ดังนี้
1.ไม่เห็นด้วยกับการใช้สารเคมีทางการเกษตรที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายและชีวิตมนุษย์ 2. ปัจจุบันประเทศไทยมีเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีอาชีพเกษตรกรรม 5.7 ล้านครอบครัว รวม 25 ล้านคน มีพื้นที่ทำการเกษตร 149ล้านไร่ โดยเกษตรกรส่วนใหญ่มีความคุ้นเคยกับการใช้วัตถุอันตรายทั้ง 3 ชนิด ในการกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืชมาเป็นเวลานาน เนื่องจากมีประสิทธิภาพดีและมีต้นทุนต่ำ เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้แรงงานและวิธีการทางการเกษตรอื่น ๆ ประกอบกับมีนักวิชาการบางกลุ่มให้ข้อมูลว่าหากมีการใช้สารเคมีทั้ง 3 ชนิดดังกล่าวอย่างถูกต้องตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ผู้ใช้ก็ยังคงมีความปลอดภัย.