จวกพรรคการเมือง'ลดแลกแจกแถม' ทำประชาชนอ่อนแอ
การเมือง
Webmaster
2019-02-14 15:16:00
16
Webmaster
2019-02-14 15:16:00
16
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่สถาบันพระปกเกล้า ได้จัดเสวนาร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายภาคประชาสังคม และผู้ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและการพัฒนาความเป็นพลเมือง ระดมความคิดเห็น ครั้งที่ 5 ประเด็น "เสียงเพื่อความเป็นพลเมือง"พรรคการเมือง"(Voices for the Citizenship) ขึ้น เพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการส่งเสริมสิทธิและการมีส่วนร่วมของพลเมืองที่สะท้อนประเด็นปัญหาและสถานการณ์รวมถึงแนวทางแก้ไขที่จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายของพรรคการเมือง
โดยมีศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความเปลี่ยนแปลงหลายประการเกิดขึ้นในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และการเมือง ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งจะส่งผลให้การเป็นสมาชิกของสังคมและการเมืองในฐานะพลเมืองต้องปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ดังนั้นเพื่อส่งเสริมและความเป็นพลเมืองที่ต้องปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมประชาธิปไตยที่ยังยืน ทางสถาบันพระปกเกล้า จึงได้จัดการระดมความคิดมาในครั้งนี้
โดยสิ่งที่หวังหลังจากนี้คือภาคประชาชนต้องการให้พรรคการเมืองและรัฐบาลที่ได้มาหลังจากเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ถือเป็นความชัดเจนที่เป็นโอกาสของประชาชนทุกภาคส่วนที่ต้องแสดงออก เพราะที่ผ่านมาเสียงของประชาชนกับเป็นเสียงที่ถูกพรรคการเมืองลืมไปว่าประชาชนต้องการอะไร ซึ่งทุกคนถือเป็นเจ้าของอำนาจ ดังนั้นจากนี้ไปเป็นหน้าที่ประชาชนที่ต้องทำให้การเมืองเป็นการเมืองนโยบายได้จริง เพราะการเมืองไม่ใช่แค่เลือกตั้งแล้วจบ แต่แสดงความคาดหวังของประชาชนว่าแท้จริงแล้วอยากได้อะไร เรื่องนี้หากเราสามารถทำได้จะแสดงให้เห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องที่กินได้ จับต้องได้ และประชาชนคือเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง หลังจากนี้ทางสถาบันพระปกเกล้าจะรวบรวมข้อมูลที่ได้ส่งต่อให้พรรคการเมืองทุกการเมืองได้รับทราบ และพร้อมคิดตามว่าพรรคการเมืองได้มีการทำอะไรต่อบ้าง
นายทศพล สมพงษ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ตนมองความเป็นพลเมืองว่าเป็นหนึ่งในสถานะบทบาทของคนไทยที่จะนำมาปฏิบัติเป็นวิถีชีวิตต่อไป โดยที่ผ่านมาการเมืองไทยไม่เคยมีนโยบายใดที่จะยกระดับให้ประชาชนขึ้นไปเป็นพลเมืองได้ หนำซ้ำนโยบายของพรรคการเมืองตลอดระยะเวลา 30-40 ปีที่ผ่านมา ไม่ส่งเสริมให้ประชาชนเป็นพลเมืองแล้ว ยังทำให้ประชาชนอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ ดูได้จากนโยบายลดแลกแจกแถม ที่ทำให้ประชาชนเฝ้ารอแบมือขอแต่ของแจก ดังนั้นแนวทางแก้ไขคือการออกกฎหมายส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการทำให้เขาเหล่านั้นได้ยกระดับตนเองขึ้นเป็นพลเมือง รวมไปถึงพรรคการเมืองก็ควรหยุดทำนโยบายอะไรเดิมๆ เพราะหากเป็นเช่นนั้นประชาธิปไตยก็จะไปไม่ถึงไหน.
โดยมีศาสตราจารย์วุฒิสาร ตันไชย เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ระยะเวลา 6 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่มีความเปลี่ยนแปลงหลายประการเกิดขึ้นในทางเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม เทคโนโลยี และการเมือง ทั้งในระดับประเทศและระดับโลก ซึ่งจะส่งผลให้การเป็นสมาชิกของสังคมและการเมืองในฐานะพลเมืองต้องปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ดังนั้นเพื่อส่งเสริมและความเป็นพลเมืองที่ต้องปรับตัวไปตามการเปลี่ยนแปลงเพื่อสังคมประชาธิปไตยที่ยังยืน ทางสถาบันพระปกเกล้า จึงได้จัดการระดมความคิดมาในครั้งนี้
โดยสิ่งที่หวังหลังจากนี้คือภาคประชาชนต้องการให้พรรคการเมืองและรัฐบาลที่ได้มาหลังจากเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค.นี้ ถือเป็นความชัดเจนที่เป็นโอกาสของประชาชนทุกภาคส่วนที่ต้องแสดงออก เพราะที่ผ่านมาเสียงของประชาชนกับเป็นเสียงที่ถูกพรรคการเมืองลืมไปว่าประชาชนต้องการอะไร ซึ่งทุกคนถือเป็นเจ้าของอำนาจ ดังนั้นจากนี้ไปเป็นหน้าที่ประชาชนที่ต้องทำให้การเมืองเป็นการเมืองนโยบายได้จริง เพราะการเมืองไม่ใช่แค่เลือกตั้งแล้วจบ แต่แสดงความคาดหวังของประชาชนว่าแท้จริงแล้วอยากได้อะไร เรื่องนี้หากเราสามารถทำได้จะแสดงให้เห็นว่าการเมืองเป็นเรื่องที่กินได้ จับต้องได้ และประชาชนคือเจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง หลังจากนี้ทางสถาบันพระปกเกล้าจะรวบรวมข้อมูลที่ได้ส่งต่อให้พรรคการเมืองทุกการเมืองได้รับทราบ และพร้อมคิดตามว่าพรรคการเมืองได้มีการทำอะไรต่อบ้าง
นายทศพล สมพงษ์ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ สถาบันพระปกเกล้า กล่าวว่า ตนมองความเป็นพลเมืองว่าเป็นหนึ่งในสถานะบทบาทของคนไทยที่จะนำมาปฏิบัติเป็นวิถีชีวิตต่อไป โดยที่ผ่านมาการเมืองไทยไม่เคยมีนโยบายใดที่จะยกระดับให้ประชาชนขึ้นไปเป็นพลเมืองได้ หนำซ้ำนโยบายของพรรคการเมืองตลอดระยะเวลา 30-40 ปีที่ผ่านมา ไม่ส่งเสริมให้ประชาชนเป็นพลเมืองแล้ว ยังทำให้ประชาชนอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ ดูได้จากนโยบายลดแลกแจกแถม ที่ทำให้ประชาชนเฝ้ารอแบมือขอแต่ของแจก ดังนั้นแนวทางแก้ไขคือการออกกฎหมายส่งเสริมให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการทำให้เขาเหล่านั้นได้ยกระดับตนเองขึ้นเป็นพลเมือง รวมไปถึงพรรคการเมืองก็ควรหยุดทำนโยบายอะไรเดิมๆ เพราะหากเป็นเช่นนั้นประชาธิปไตยก็จะไปไม่ถึงไหน.
