ข่าวเริ่มปลูกกัญชาแล้ว100กก.! ทำผสมในตำรับยาไทย - kachon.com

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. นพ.มรุต จิรเศรษฐสิริ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ร่วมมือกับทางศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ หรือไบโอเทค มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน ได้เตรียมความพร้อมปลูกกัญญา ซึ่งได้รับการอนุญาตจากที่ประชุมคณะกรรมการยาเสพติดให้โทษเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เบื้องต้นจะปลูก 100 กิโลกรัมแบบสด เพื่อนำมาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์กัญชา 2 ตัวคือ ตำรับยาสนั่นไตรภพ เป็นน้ำมันกัญชา และผสมกับสมุนไพรอื่นๆ อีก 31 ตัว ช่วยเรื่องอาการท้องอืด มะเร็งตับ ใช้ได้ทั้งนวดและกิน และอีกตัวเป็นสูตรยาไทยที่ผสมกัญชาใช้ทาริดสีดวงทวาร และใช้ในเรื่องโรคผิวหนัง นอกจากนี้ยังจะมีการทำเครื่องยาผสมกัญชากลาง 3 ชุด คือ 1.ช่อดอกกัญชาแห้งต่อพริกไทยล่อน 2.ใบกัญชาต่อพริกไทยล่อน และ 3.ก้านกัญชาต่อบอระเพ็ด โดยทั้งหมดจะจัดส่งให้กับโรงพยาบาลที่มีการแจ้งไว้ และอยู่ในระบบ ทั้งนี้จะเริ่มผลิตออกมาใช้ได้ช่วงเดือนก.ค.นี้ ในข้อแม้ว่า ร่างกฎหมายใหญ่ต้องผ่านและบังคับใช้แล้ว เพียงแต่ช่วงนี้เราต้องเตรียมพร้อมไว้ก่อน.

ด้านศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาประโยชน์ทางการแพทย์ กล่าวถึงร่างกฎหมายนิโทษผู้ครอบครองกัญชา มีความพยายามจะเอาทุกอย่างขึ้นบก ล่าสุดมีการหารือร่วมกับระหว่างสภาเกษตรกร และสำนักงานคณะกรรมอาหารและยา (อย.) รวมทั้งนพ.โสภณ เมฆธน ประธานกรรมการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และประธานคณะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์  พบว่ามีทางออกสำหรับชมรมจิตอาสาใต้ดินที่ช่วยผู้ป่วยในการใช้กัญชา โดยจะดึงชมรมนี้มาอยู่ร่วมกับสภาเกษตรกร เพื่อให้เข้าสู่ระบบได้
 
ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามเพื่อให้เกิดความชัดเจน ควรมีการเปิดเผย ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ซึ่งเป็นกฎหมายใหญ่ ว่าจะมีเรื่องการคลายล็อกกัญชาอยู่ในร่างกฎหมายใหญ่หรือไม่ เพราะมีกระแสกังวลว่าหากสุดท้ายกฎหมายแม่ไม่มีตรงนี้ ย่อมทำให้ทุกอย่างที่ขับเคลื่อนมาก็ส่อแววล่มด้วย ดังนั้น ควรเปิดเผยว่ามีหรือไม่ เพื่อให้ฝ่ายที่เตรียมพร้อมได้เดินหน้าต่อไป ไม่เช่นนั้นการลงทุนต่างๆ คงต้องล้มหมด อย่างจุดสำคัญหากคลายล็อกจริงก็ควรมีหน่วยงานกลาง หรือสถาบันควบคุมกัญชากลางเพื่อวางแผนเกี่ยวการใช้กัญชาทางการแพทย์อย่างรอบคอบ ซึ่งประเทศอื่นก็มี และในระดับนานาชาติก็มีองค์กรกลางเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ประเทศไทยควรมีเช่นกัน.