'กฤษฏา'ตั้งคกก.ขับเคลื่อนเลิกใช้สารพิษทั่วประเทศ
การเมือง
รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ได้สั่งการปลัดกระทรวง อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เร่งสำรวจสต๊อกสารเคมีของผู้ประกอบการทุกราย มีเท่าไหร่ จากเดิมเคยอนุญาตนำเข้าปีละ 6 หมื่นตัน โดยช่วงที่ผ่านมาควบคุมการนำเข้าให้ เหลือ3หมื่นตัน ให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนี้ พร้อมกับเร่งร่างแผนปฏิบัติการจำกัดการใช้ ดำเนินการอบรม คนจำหน่าย ผู้รับจ้างฉีดพ่นสาร ต้องรับใบอนุญาตจากกรมวิชาการเกษตรก่อนจึงดำเนินการได้ และในจังหวัดพื้นที่ต้นน้ำ ห้ามไม่ให้มีการจำหน่ายนอกจากนี้กระทรวงเกษตรฯ ร่วมกับภาควิชาการ ภาคสังคม เร่งศึกษาวิจัยหาสิ่งอื่นทดแทนสารเคมีให้ได้ และทำแผนเร่งรัดขยายพื้นที่เกษตรกรรมยั่งยืน 149 ล้านไร่ใน 2ปีเช่นกันโดยกระทรวงเกษตรฯจะต้องรายงานความก้าวหน้าต่อคณะกรรมการวัตถุอันตราย ทุก3เดือนในระหว่างนี้ ร่วมกับภาควิชาการ เอกชน นำสารธรรมชาติ มาทดลองใช้เป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร เกรงว่าชาวบ้านกลับไปใช้วิธีเผาหญ้า อยากให้ทุกคนในประเทศไทย ช่วยกันเสนอแนะวิธีมาด้วย โดยจะเสนอผลต่อประชาชนจากแผนปฏิบัติการจำกัดการใช้ทุก3เดือน
พร้อมกันนี้แต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการจำกัดการใช้สารเคมีในการทำเกษตรกรรมเป็น 2 ระดับโดยในระดับกระทรวงเกษตรฯ ให้ปลัดกระทรวงฯ เป็นประธานและอธิบดีกรมวิชาการเกษตรเป็นเลขานุการ รวมทั้งเชิญองค์กรเอกชน ภาคประชาชน เป็นกรรมการด้วย ส่วนคณะกรรมการระดับจังหวัดทั้ง 76 จังหวัดด้วยเพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนการปฏิบัติในพื้นที่
ด้านผศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐเรื่องสารเคมีการเกษตร ว่าจะแบน หรือจะควบคุมการใช้สารเคมีการเกษตร ขึ้นชื่อว่าสารเคมีนั้นย่อมมีผลข้างเคียงได้หากใช้ไม่ถูกวิธีแต่หลักฐานที่ควักออกมา ปั่นจนทุกคนตื่นกลัวนั้น มีทั้งที่จริงและไม่จริงสังคมที่ดี ควรควักข้อมูลที่ตรวจสอบได้มาถกกันให้โปร่งใส ตรงไปตรงมา และมาชั่งน้ำหนักกันถึงผลดีผลเสียของมาตรการแบน กับมาตรการควบคุมการใช้คิดจะแก้ไขกันหรือยัง ก่อนที่จะไปตัดสินใจว่าจะแบน ขจัดสารเคมีให้สิ้นซากจากแผ่นดิน.