'บิ๊กตู่'พ้อ4ปีแก้ปัญหาถูกมองข้าม แนะเปิดใจสร้างปชต.
การเมือง

เมื่อเวลา 20.15 น. วันที่ 15 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวผ่านรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ว่า สังคมไทยเป็นสังคมพหุวัฒนธรรม เราอยู่ร่วมกันบนผืนแผ่นดินเกิดนี้มาหลายร้อยปีด้วยความสงบสุข ภายใต้พระบรมโพธิสมภาร นอกจากนี้ประเทศไทยยังเป็นประเทศประชาธิปไตย ที่ทุกคนสามารถอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขได้ ภายใต้ความแตกต่างด้วยการยอมรับและเปิดใจเข้าหากัน นั่นคือความงดงามของประชาธิปไตย เพราะถ้าทุกคนคิดและเป็นเหมือนกัน ก็คงเหมือน“รุ้งกินน้ำ” ที่มีสีเดียว โทนเดียว คงไม่งดงามเหมือน “รุ้ง 7 สี” ตามธรรมชาติ ซึ่งหากเปรียบประเทศเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ ครอบครัวนี้ก็คงเหมือนทุกๆ ประเทศ ที่มีเศรษฐกิจและสังคมที่แบ่งออกเป็น 3 ระดับ หรือ “3 พี่น้อง” พี่คนโต เปรียบเสมือนผู้ที่มีฐานะดี มีความเข้มแข็ง ผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจขนาดใหญ่ แม้จะพึ่งพาตนเองได้ แต่ “รัฐบาล” หรือพ่อแม่ก็ยังคงต้องให้ความช่วยเหลือ – อำนวยความสะดวก
"สำหรับลูกคนกลางก็คงเป็นชนชั้นกลาง มีหน้าที่การงานที่มั่นคง หากไม่มีปัจจัยภายนอกมากระทบ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากป่วยไข้ เกิดอุบัติเหตุ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ ชีวิตก็คงจะลำบากสักระยะ กว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ รัฐบาลก็ต้องระวังไม่ให้สิ่งเหล่านั้นมากระทบ สำหรับน้องคนสุดท้องคือผู้ที่มีรายได้น้อย ทั้งเกษตรกร ทั้งอาชีพอิสระ รับจ้าง และผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมถึง SME และ Star-up ที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ยังต้องพึ่งพาการส่งเสริมจากภาครัฐ หรือพ่อแม่อยู่มาก รวมทั้งพี่คนโตและคนกลาง ก็ต้องช่วยพ่อแม่ดูแลน้องคนเล็ก ให้ความช่วยเหลือ–เชื่อมโยง ผูกพันกัน เหมือนที่ตนกล่าวอยู่เสมอว่าทุกคนอยู่ในห่วงโซ่เดียวกัน ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้รัฐบาลดูแลตั้งแต่ต้นทาง–กลางทาง–ปลายทาง ให้ทุกคนในห่วงโซ่นี้ เข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองได้ โดยเราจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่ก็อย่าลืมว่าทุกคนก็ต้องไม่ปฏิเสธการพัฒนาตนเอง หาความรู้เพิ่มเติม ปรับตัว ไม่ปิดตัว ไม่ปิดโอกาสตนเอง โดยรับข้อมูลข่าวสารภาครัฐอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อย่างน้อยก็รับฟังหอกระจายข่าวที่มีอยู่ทั้ง 7 หมื่นกว่า หมู่บ้านทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารผ่าน แอปพลิเคชัน G News รวมทั้งช่องทางอื่นๆ ของรัฐ ที่เชื่อถือได้ด้วยนะครับเว็บไซต์ รัฐบาลไทย https://www.thaigov.go.th/ เฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า,สายตรงไทยนิยม LINE@ข่าวจริงประเทศไทย และ GNEWS
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า 4 ปีที่ผ่านมา ภาครัฐตระหนักถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มีมาอย่างยาวนานของประเทศ ซึ่งส่งผลต่อศักยภาพทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยให้ความสำคัญและเร่งการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หลังจากหยุดนิ่งมากว่า 10 ปี เพื่อจะเพิ่มการเข้าถึงโอกาสและกระจายความเจริญไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีปัญหา เช่น ช่วยเหลือชาวนา 3.6 ล้านครัวเรือน วงเงินราว 4 หมื่นล้านบาท และชาวสวนยาง 2.2 ล้านครัวเรือน วงเงินราว3 หมื่นล้านบาท เป็นต้น การระบายข้าวจากโครงการรับจำนำข้าว กว่า 17 ล้านตัน ซึ่งมีส่วนในการส่งผลให้ราคาข้าวปรับเพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลได้มีการอำนวยความยุติธรรม ขจัดคำกล่าว “คุกมีไว้ขังคนจน” โดยได้มีการตั้งกองทุนยุติธรรม ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงบริการด้านกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หนึ่งในประเด็นสำคัญที่จะเร่งผลักดันคือ การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก จึงจะเห็นได้ว่า ภาครัฐได้พยายามวางแผนในการสนับสนุนพี่น้องในชุมชนในทุกมิติ เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความเข้มแข็ง และยั่งยืนต่อไป อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้แก้ปัญหาที่หมักหมม มานานนับ 10 ปี พร้อมวางรากฐานการพัฒนา เพื่อวันข้างหน้า
"รัฐบาลนี้ ได้แก้ไขปัญหาที่คนส่วนใหญ่มองข้ามอย่างยั่งยืนได้อย่างไร ในส่วนของการสร้างสวนสาธารณะ หรือทำให้เป็นพื้นที่สีเขียว รัฐบาลก็จะเร่งรัดให้มากยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทุกจังหวัด ทั้งนี้ขอให้คนไทยทุกคน ดูแลซึ่งกันและกัน มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเอง รวมทั้ง ดูแลชาติบ้านเมืองของเราให้สงบร่มเย็น ภายใต้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และภายใต้พระบรมโพธิสมภาร"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.
"สำหรับลูกคนกลางก็คงเป็นชนชั้นกลาง มีหน้าที่การงานที่มั่นคง หากไม่มีปัจจัยภายนอกมากระทบ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากป่วยไข้ เกิดอุบัติเหตุ หรือภัยพิบัติทางธรรมชาติ ชีวิตก็คงจะลำบากสักระยะ กว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ รัฐบาลก็ต้องระวังไม่ให้สิ่งเหล่านั้นมากระทบ สำหรับน้องคนสุดท้องคือผู้ที่มีรายได้น้อย ทั้งเกษตรกร ทั้งอาชีพอิสระ รับจ้าง และผู้ใช้แรงงาน ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมถึง SME และ Star-up ที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ ยังต้องพึ่งพาการส่งเสริมจากภาครัฐ หรือพ่อแม่อยู่มาก รวมทั้งพี่คนโตและคนกลาง ก็ต้องช่วยพ่อแม่ดูแลน้องคนเล็ก ให้ความช่วยเหลือ–เชื่อมโยง ผูกพันกัน เหมือนที่ตนกล่าวอยู่เสมอว่าทุกคนอยู่ในห่วงโซ่เดียวกัน ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้รัฐบาลดูแลตั้งแต่ต้นทาง–กลางทาง–ปลายทาง ให้ทุกคนในห่วงโซ่นี้ เข้มแข็งและพึ่งพาตัวเองได้ โดยเราจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่ก็อย่าลืมว่าทุกคนก็ต้องไม่ปฏิเสธการพัฒนาตนเอง หาความรู้เพิ่มเติม ปรับตัว ไม่ปิดตัว ไม่ปิดโอกาสตนเอง โดยรับข้อมูลข่าวสารภาครัฐอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง อย่างน้อยก็รับฟังหอกระจายข่าวที่มีอยู่ทั้ง 7 หมื่นกว่า หมู่บ้านทั่วประเทศ หรือติดตามข่าวสารผ่าน แอปพลิเคชัน G News รวมทั้งช่องทางอื่นๆ ของรัฐ ที่เชื่อถือได้ด้วยนะครับเว็บไซต์ รัฐบาลไทย https://www.thaigov.go.th/ เฟซบุ๊ก ไทยคู่ฟ้า,สายตรงไทยนิยม LINE@ข่าวจริงประเทศไทย และ GNEWS
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า 4 ปีที่ผ่านมา ภาครัฐตระหนักถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำที่มีมาอย่างยาวนานของประเทศ ซึ่งส่งผลต่อศักยภาพทางเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยให้ความสำคัญและเร่งการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หลังจากหยุดนิ่งมากว่า 10 ปี เพื่อจะเพิ่มการเข้าถึงโอกาสและกระจายความเจริญไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ รวมถึงการช่วยเหลือเกษตรกรที่มีปัญหา เช่น ช่วยเหลือชาวนา 3.6 ล้านครัวเรือน วงเงินราว 4 หมื่นล้านบาท และชาวสวนยาง 2.2 ล้านครัวเรือน วงเงินราว3 หมื่นล้านบาท เป็นต้น การระบายข้าวจากโครงการรับจำนำข้าว กว่า 17 ล้านตัน ซึ่งมีส่วนในการส่งผลให้ราคาข้าวปรับเพิ่มขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันรัฐบาลได้มีการอำนวยความยุติธรรม ขจัดคำกล่าว “คุกมีไว้ขังคนจน” โดยได้มีการตั้งกองทุนยุติธรรม ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงบริการด้านกระบวนการยุติธรรม นอกจากนี้สำหรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี หนึ่งในประเด็นสำคัญที่จะเร่งผลักดันคือ การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก จึงจะเห็นได้ว่า ภาครัฐได้พยายามวางแผนในการสนับสนุนพี่น้องในชุมชนในทุกมิติ เพื่อให้เศรษฐกิจฐานรากของประเทศมีความเข้มแข็ง และยั่งยืนต่อไป อย่างไรก็ตามตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมานั้น รัฐบาลได้แก้ปัญหาที่หมักหมม มานานนับ 10 ปี พร้อมวางรากฐานการพัฒนา เพื่อวันข้างหน้า
"รัฐบาลนี้ ได้แก้ไขปัญหาที่คนส่วนใหญ่มองข้ามอย่างยั่งยืนได้อย่างไร ในส่วนของการสร้างสวนสาธารณะ หรือทำให้เป็นพื้นที่สีเขียว รัฐบาลก็จะเร่งรัดให้มากยิ่งขึ้น ทั้งในส่วนของกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทุกจังหวัด ทั้งนี้ขอให้คนไทยทุกคน ดูแลซึ่งกันและกัน มีการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาตนเอง รวมทั้ง ดูแลชาติบ้านเมืองของเราให้สงบร่มเย็น ภายใต้กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม และภายใต้พระบรมโพธิสมภาร"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.