ข่าว'สุดารัตน์'ลั่นหมดเวลารถถัง 'ชัชชาติ'ย้ำศก.แย่แก้3อย่าง - kachon.com

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) จัดปราศรัยใหญ่ครั้งแรกในรอบ 5 ปี เพื่อนำเสนอนโยบายแนวทางแก้ปัญหาให้กับประเทศ นำทีมโดย พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรค คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง หัวหน้าทีมปราศรัยหาเสียงพรรคเพื่อไทย นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกฯในนามพรรค นายชัยเกษม นิติศิริ แคนดิเดตนายกฯในนามพรรค พร้อมแกนนำพรรค และผู้สมัคร ส.ส.กทม.และพื้นที่ต่างๆเข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

โดยแกนนำแต่ละคนจะแบ่งหัวข้อกันปราศรัย อาทิ นายวิชาญ มีนชัยนันท์ พูดเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องในกทม. นายนพดล ปัทมะ พูดเรื่องการศึกษา นายโภคิน พลกุล พูดเรื่องการยกเลิกกฎหมายที่เป็นอุปสรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พูดเรื่องการเมือง นายชัยเกษม พูดเรื่องกระบวนการยุติธรรม นายชัชชาติ พูดการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ คุณหญิงสุดารัตน์ พูดนโยบายภาพรวม ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคักมีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมฟังอย่างต่อเนื่อง พร้อมกันนี้ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ มาเดินดูบรรยากาศรอบพื้นที่มีประชาชนขอถ่ายภาพอย่างเป็นกันเอง 



ด้าน นายชัชชาติ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า  วันนี้เศรษฐกิจแย่ เกษตรกรจากขายมัน ขายข้าว เปลี่ยนเป็นขายรถไถ ส่วนในกทม. ร้านที่ขายของดีคือร้านขายสังฆทาน เพราะไม่หวังชาตินี้ แต่หวังชาติหน้า แต่หากถามว่าอะไรขายดีที่สุดนั้น ยาบ้าขายที่ดีสุด จากเม็ดละ 200 บาท เป็น 3 เม็ด 100 บาท ซึ่งประชาชนต่างขอให้พรรคแก้ปัญหาในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามในเรื่องเงินช่วยเหลือคนจนนั้นเป็นเรื่องดีพ ไม่ปฏิเสธ พรรคเพื่อไทยเห็นด้วย แต่มันไมได้ช่วยแก้ปัญหาที่แท้จริง การจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ ต้องมี 3 อย่าง คือ ต้องเข้าใจอนาคต เข้าใจประชาชน และเข้าใจวิธีทำ ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจไทยเวลานี้มี 3 อย่าง คือ 1.แข็งบนอ่อนล่างคือ ความเหลื่อมล้ำสูง หนี้สินครัวเรือนเพิ่ม  2.แข็งนอกอ่อนใน เราเน้นการส่งออกทั้งสินค้าและบริการร้อยละ70 แต่การบริโภคในประเทศนั้นอ่อนแอ 3.แต่ก่อนเราแข็งกว่านี้  ดังนั้นหัวใจคือการทำเศรษฐกิจในประเทศให้เข้มแข็งขึ้น  ทั้งนี้ประเทศไทยต้องเป็นของประชาชน ประชาธิปไตยกับเศรษฐกิจต้องมาเจอกัน อนาคตเพื่อไทยจะเป็นทีมที่มากอบกู้เศรษฐกิจเพื่อคนไทย



ขณะที่ คุณหญิง สุดารัตน์ ได้กล่าวปราศรัยว่า คิดถึงมาก ครั้งสุดท้ายที่ตนได้มีโอกาสมายืนอยู่บนเวทีปราศรัยตั้งแต่การเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทยปี 2548 เป็นเวลา 14 ปีแล้ว จึงคิดถึงพี่น้องเป็นพิเศษและคิดถึงมาก 2 เดือนมานี้ ตนมีโอกาสเดินทางไปทั่วประเทศ เหนือ ใต้ ออก ตก มีโอกาสพบพี่น้องประชาชนจำนวนมาก ต่างบ่นกันว่าเศรษฐกิจแย่หนี้สินท่วมตัว อยากถามว่ากทม. 4-5 ปีมานี้ ใครมีความสุขกระเป๋าตุงขึ้นบ้าง ไม่ต้องกลัวว่าสุดารัตน์จะไปยืมตังค์ นี่คือความเจ็บปวดของพวกเราคนทำงานพรรคเพื่อไทย ประชาชนถูกยึดอำนาจด้วยเหตุผลสารพัด สัญญาว่าจะคืนความสุขให้กับเรา แล้วก็มาหาเราทุกคืนวันศุกร์จริงๆ อยากถามว่าประชาชนมีความสุขหรือไม่ เขายังสัญญาว่าเขาจะใช้เวลาไม่นาน ตอนนี้ก็ปาเข้าไปจะ 5 ปีแล้ว สงสัญว่านาฬิกาที่ยืมเพื่อนมามันจะเดินไม่ตรง



คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า  วันนี้เพื่อไทยจะมากู้ศักดิ์ศรีประเทศไทยในเวทีโลก หมดเวลารัฐบาลรถถังแล้ว ได้เวลานักบริหารเศรษฐกิจมืออาชีพ ได้เวลาเพื่อไทยมากอบกู้เศรษฐกิจแล้ว เร่งสร้างรายได้ 5 มาตรการ 1.เร่งปรับโครงสร้างหนี้ครั้งใหญ่ 2.เร่งเติมเงินทุนให้กับพี่น้อง มีใครอยากเป็นคนจน แบมือขอเงินบัตรคนจนไปตลอดชีวิต เราจะต้องขยายแหล่งทุนที่เข้าถึงได้จริงและรวดเร็ว ให้มีธนาคารพัฒนารายได้ทุกจังหวัด หรือไฟแนนซ์คัมปะนี เพื่อให้คนตัวเล็กมีแหล่งเงินทุนที่จะมาทำมาหากิน แผงลอยตึกแถวต้องแปลงเป็นเงินทุนได้ทั้งสิ้น 3.พี่น้องต้องขายของได้ ไม่ใช่จัดระเบียบจนไม่มีที่ขาย เราจะนำสินค้าไทยไปบุกตลาดโลก 4.การขจัดกฎหมายที่เป็นอุปสรรคที่ขวางกั้นการทำมาหากินของประชาชน 5.ลดภาษีอย่างชาญฉลาด ไม่ทำให้รายได้ลดโดยการขยายฐานภาษีเพิ่ม ทำให้คนตัวเล็กแข็งแรงให้ได้ ถ้าเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล เกษตรกรจะได้รับการพักชำระหนี้ 3 ปี ภายใน 6 เดือน ราคาสินค้าจะกลับไปรุ่งเรืองทุกตัว อย่างน้อยต้องขึ้นร้อยละ 30 ขึ้นไปภายใน 6 เดือน เช่นกัน และประเทศไทยต้องเป็นศูนย์กลางอาหารปลอดภัยป้อนคนทั้งโลก เราจะมีกองทุนปรับเปลี่ยนหน้าดินให้พี่น้อง เพื่อให้ประชาชนมีรายได้ที่ยั่งยืน ส่วนการท่องเที่ยวจะทำให้ กทม.เป็นเมืองใหญ่การท่องเที่ยวของโลก ใน 2 ปีจะทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มเป็น 50 ล้านคน พร้อมสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัยให้นักท่องเที่ยว เพื่อดึงเงินท่องเที่ยวให้แตะ 3 ล้านล้านให้ได้ นอกจากนั้นจะยกเลิกวีซ่าการท่องเที่ยวระหว่างไทย-จีน  อีกทั้งเราจะทำศูนย์สร้างเถ้าแก่ใหม่ เพื่อให้คนรุ่นใหม่มีธุรกิจของตัวเอง โดยเงินจะใช้จากการลดงบกลาโหม ขอแค่ร้อยละ 10 เราจะไม่มีเกณฑ์ทหาร เอาเด็กที่จะเกณฑ์ทหารมาสร้างเด็กรุ่นใหม่ที่มีธุรกิจของตัวเอง รวมทั้งมีกองทุนคนเปลี่ยนงาน เพื่อให้พนักงานที่ตกงานมีอาชีพทำ พร้อมมีกองทุนบัตรทองสตาร์ทอัพ เพื่อให้โอกาสคนตัวเล็กและคนรุ่นใหม่ได้มีอาชีพ

"ได้เวลาของนักการเมืองที่เคารพเสียงของประชาชน เห็นประชาชนเป็นเจ้านาย ไม่ใช่เห็นประชาชนเป็นพลทหาร ที่คอยตะคอกใส่ทุกวัน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ใบเดียวเลือกตั้งทั้งคนทั้งพรรคและนายกฯ ขอให้จำโลโก้เพื่อไทย เชื่อว่าประชาชนจำได้เพราะสลักไว้ในใจของประชาชนอยู่แล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้มี 2 ทางเลือก คือ เอานายกฯ คนปัจจุบัน อีกทางหนึ่งคือเลือกพรรคการเมืองที่นำโดยพรรคเพื่อไทย เลือกตั้งครั้งนี้ประชาชนจะต้องเลือกด้วยเหตุและผล อย่าเลือกเพราะรักหรือเกลียดใคร แต่จะต้องเลือกเพื่ออนาคตของตัวเองและลูกหลาน หากประชาชนไม่ใส่ใจ ไม่รักตัวเอง จะต้องอยู่กับสภาพนี้ และจะต้องทนอยู่กับสภาพที่ผ่านมาอีกหลายปี ครั้งนี้หากทนไม่ไหวแล้ว กุญแจดอกเดียวที่จะพาออกจากความทุขก์คือพรรคเพื่อไทย สิ่่งสำคัญที่สุดของวันที่ 24 มี.ค. ถ้าเลือกเพื่อไทยไม่ท่วม ก็จะแพ้เสียง 250 ส.ว. ดังนั้นต้องออกมาเลือกอย่างถล่มทลาย และหากวันที่ 24 มี.ค.เราทำภารกิจสำเร็จ จะทุ่มเทฟื้นฟูเศรษฐกิจให้พี่น้องกลับมากระเป๋าตุงได้อย่างแน่นอน และ 24 มี.ค.คือวันเดินออกจากความทุกข์ และร่วมสร้างชีวิตใหม่"คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าว 



ส่วน นายวัฒนา เมืองสุข ผู้สมัครส.ส.เขต 28 กรุงเทพหานคร กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า รัฐบาลปัจจุบันบริหารเศรษฐกิจย้ำแย่ ทางแก้มีทางเดียวคือการเปลี่ยนทีมบริหารจากรัฐบาลรถถัง ให้มีรัฐบาลมืออาชีพเข้ามาทำงาน โดยต้องเป็นคนจากพรรคเพื่อไทยที่เคยบริหารอย่างมืออาชีพที่เคยใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด ทำงบประมาณสมดุลได้ ถ้ารัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนได้ประชาชนจะไม่กล้าใช้เงินนั่นคือหายนะทางเศรษฐกิจ 

“ที่รัฐบาลบอกเศรษฐกิจดี ดีอย่างไร นาฬิกายังยืมเพื่อน แหวนยังเป็นของแม่ ไม่ต้องเปลืองข้าวเหนียวมะม่วงมาเลี้ยงนักท่องเที่ยว แล้วเอากะทิไปราดข้าวเหนียว ไอ้พวกนี้มันโง่ เอากะทิไปราดข้าวเหนียวมันจะบูด สิ่งที่พี่น้องต้องทำคือ เข้าคูหาแล้วเลือกพรรคเพื่อไทย ปากกาของพี่น้องคืออาวุธ ที่พวกโง่มันกลัว จะได้เปลี่ยนรัฐบาลปากหมามาเป็นรัฐบาลมืออาชีพ ถ้าใครถามว่าเลือกเพื่อไทยแล้วจะได้อะไร ก็จะได้ความสงบที่มีคุณภาพกลับคืนมา เราจะเอาไหม รัฐบาลโง่แบบนี้ ผมจะให้สูตรในการเลือก พวก ประ อย่าไปเลือก ระวังเลือกพลังประชารัฐ จะได้ประยุทธ์มา จำง่ายๆให้เลือกเพื่อไทย จะได้ขับไล่พวกปากหมา หน้าด้าน ไม่มีสมอง แล้วจะได้นักการเมืองที่มีคุณภาพ” นายวัฒนา กล่าว



ด้าน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวปราศรัยอย่างดุเดือดว่า ขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียวเพื่อยึดอำนาจจากเผด็จการมาเป็นประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน เผด็จการออกไป ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวในการล้มการสืบทอดอำนาจ ทั้งนี้คนต้นเหตุให้มีการยึดอำนาจคืน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ส่วนคนสนับสนุนคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตนไม่โกรธ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.ที่ยึดอำนาจเพราะ คนเหล่านี้เปิดประตูให้ทหารเข้ามา อภิสิทธิ์ ให้ฟังตนพูด อย่าลอยหน้าลอยตา อยู่ใกล้ๆ จะตบสักที นี่ถ้าเผาป้ายประชาธิปัตย์แล้วไม่ผิด จะเผา แม่งให้หมดเลย ทั้งนี้ ระหว่างการปราศรัยช่วงต้นทางเวทีได้มีการเปิดภาพ นายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ กอดคอร่วมเดินขบวนเป่านกหวีดกับกปปส. ขับไล่รัฐบาลพรรคเพื่อไทย  

นายเฉลิม กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์บอกไม่รู้จักตนนั้น ไม่เป็นอะไร แล้วเราไปเจอกันในสภาฯ และที่พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์ร้อนขนาดนี้อยู่ไม่ได้หรอกขอให้เปลี่ยนใจซะ และตอนที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เล่นการเมืองครั้งแรก ได้ส.ส. 200 กว่าแต่พรรคประชาธิปัตย์ได้ 100 นิดๆ ทำให้อภิปรายไม่ไว้วางใจไม่ได้ แล้วสร้างวาทกรรมเผด็จการรัฐสภาฯ พอบริหารงานมา 4 ปี เลือกตั้งสมัยสองพรรคของนายทักษิณก็ได้ 300 กว่า พอถูกยึดอำนาจในปี 49 หลังจากนั้นมีพรรคพลังประชาชนลงเลือกตั้งก็ชนะเลือกตั้งอีก เลือกตั้งปี 54 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ชนะได้ส.ส. 240 กว่าๆ แต่พรรคประชาธิปัตย์แพ้มาตลอด ปีนี้ ทั้งนี้ปี62 พรรคเพื่อไทยจะกลับมาอีกที ตนขออย่างเดียวอย่าโกงเพราะวันนี้พลังประชารัฐได้เปรียบจนพวกตนไม่มีที่ยืน และรอบนี้จะเล่นรอบสุดท้ายจะช่วยเพื่อไทยหาเสียง ถ้าไม่ได้เป็นอะไรก็ไม่เอาแต่ถ้าเหลืออะไรให้ตนก็เอา และที่บอกจะต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย นักลงทุนไม่มาลงทุน เลือกตั้งครั้งนี้ขออย่างเดียว อย่าโกง พรรคพลังประชารัฐได้เปรียบจนพวกตน ไม่มีที่ยืนแล้ว แต่ไม่กลัว เพราะความกลัวทำให้เสื่อม ขอสาปแช่ง ใครดูแลการเลือกตั้ง ใครทุจริตเลือกตั้ง ขอให้วิบัติฉิบหาย จงเกิดแก่ท่าน ที่พูดไม่ได้แช่ง แต่ถ้าใครโกงเลือกตั้ง ขอให้เป็นอย่างนั้น.