'กรวีร์'ยันคุณสมบัติครบ จ่อยื่นศาลฎีกาขอสิทธิคืน
การเมือง
โดยนายศุภชัย ชี้แจงว่า ยังไม่ทราบว่าเหตุผลอะไรที่ กกต.ยังไม่ยอมประกาศ แต่เท่าที่คุยกับนายกรวีร์ แสดงความมั่นใจว่าไม่มีอะไรที่ทำให้ขาดคุณสมบัติ เพราะได้ลาออกจาการเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนาเมื่อวันที่ 9 พ.ย.2561 โดยมีหนังสือลาออกซึ่งมีนายทะเบียนสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ได้รับทราบและดำเนินการเอาชื่ออกจากการเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา และ ต่อมาวันที่ 12 พ.ย. 2561 นายกรวีร์ และ นายภราดร ปริศนานันทกุล ก็ได้มาสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย ซึ่งสื่อมวลชนก็ทราบดี มีภาพถ่าย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ได้สวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยให้ เมื่อมีการสมัครแล้วสมาชิกภาพสมบูรณ์ มีการชำระค่าบำรุงพรรค ซึ่งได้สมัครตลอดชีพ เงินสด 2,000 บาท เลขที่ติดกันใบเสร็จติดกัน ยืนยันว่าเป็นสมาชิกตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.2561
“เราสันนิษฐาน คือ ได้เข้าไปยังฐานข้อมูลสมาชิกพรรคการเมืองของ กกต. เพื่อตรวจสอบสมาชิกภาพ เราใส่เลขบัตรประชาชน ของนายกรวีร์ ไม่พบ แต่ในเว็บไซต์เดียวกันใส่คำว่า นายกรวีร์ เข้าไปปรากฏว่าพบข้อมูลทั้งหมดเลย แปลความได้ว่า การหาสมาชิกภาพทางเว็บไซต์ด้วยหมายเลขบัตรประชาชนไม่พบข้อมูล นอกจากจะต้องใส่ชื่อถึงจะพบข้อมูล เมื่อใส่หมายเลขสมาชิกพรรค พบข้อมูลทั้งหมดเช่นเดียวกัน ยืนยันว่า ระบบฐานข้อมูลของพรรคไม่ได้มีปัญหา มีปัญหาที่ฐานข้อมูลของ กกต. และยืนยันว่า นายกรวีร์ ไม่ได้มีปัญหาเรื่องสมาชิกพรรคภูมิใจไทย เพราะเป็นมาตั้งแต่วันที่ 12 พ.ย.2561 แล้วนั่นเอง ภายใน 7 วันนี้ นายกรวีร์ จะยื่นเรื่องต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง เพื่อให้ยืนยันว่า เป็นผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย ”นายศุภชัย กล่าว
นายศุภชัย กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้สมัครระบบเขต ของ กทม.อีก 2 เขต คือเขตดอนเมือง กับหนองจอก จะไปยื่นกับศาลแพ่ง รวมทั้งแบบบัญชีรายชื่อ อีก 6 คน ก็จะไปยื่นต่อศาลเช่นเดียวกัน หวังว่าขั้นตอนการพิจารณาน่าจะรวดเร็ว
ด้านนายกรวีร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครของพรรคภูมิใจไทยหาเสียงอย่างต่อเนื่อง มั่นใจว่าเอกสารทุกอย่างที่ยื่นสมัครตามที่กกต.กำหนดไว้นั้นได้ยื่นครบถ้วน และยิ่งมั่นใจเมื่อมาตรวจสอบกับฝ่ายทะเบียนของพรรค ก็ยิ่งมั่นใจและสบายใจ ไม่น่าจะมีอะไรที่ผิดพลาดแต่อย่างใด หลังจากนี้ การช่วยผู้สมัครหาเสียงไม่ว่าจะอยู่ในจังหวัดใดก็แล้วแต่ของพรรคภูมิใจไทย ผมจะเดินหน้าต่อไป และภายใน 7 วัน จะไปยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาเพื่อเพิ่มรายชื่อเข้าไป เพราะคิดว่าไม่น่าจะมีอะไรที่ผิดพลาด.